post

กินบะหมี่กึ่งสำเร็จสำเร็จรูปอย่างไรไม่ให้ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ

ยุคนี้ไม่ว่าอะไรก็แพงไปหมด แม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อก่อนเราซื้อในราคาห่อละ 6 บาท ปัจจุบันขึ้นเป็นห่อละ 8 บาทไปแล้ว จึงไม่ใช่เมนูของคนที่อยากประหยัดอีกต่อไป เพราะเมื่อเฉลี่ยแล้ว การทานอาหารที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ในบางเมนูยังถูกกว่าเสียอีก แต่ด้วยรสชาติน้ำซุบนั้นแซบถึงใจ จึงทำให้เราติดรสชาตินั้นไปแล้ว แต่หากไม่ได้มองเรื่องแพง แต่จะทานอย่างไรให้เกิดผลดีที่สุด วันนี้เราจะมาบอกกันให้ได้รู้ 

อย่างที่ทราบกันว่าในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากทีเดียว ฉะนั้นควรใส่สารอาหารอื่นเข้าไปผสมตอนต้มด้วย เช่น ผัก ไข่ เนื้อสัตว์ เหล่านี้จำเป็นต้องใส่อย่างยิ่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกดังนี้ 

-อ่านฉลากบรรจุภัณฑ์เสมอ เลือกซื้อที่มีสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” เนื่องจากปริมาณโซเดียมน้อยและควรเลือกแบรนด์ที่เพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ

ไม่รับประทานเป็นประจำหรือให้เป็นอาหารหลัก ยิ่งในเด็กไม่ควรทาน เพราะจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ฉะนั้นในหนึ่งวันไม่ควรทานเกินวันละ 1 ซอง หากมากกว่านั้นอาจเกิดโรคไต ความดันโลหิต

-การทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบดิบ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะทำให้ท้องอืดได้ 

เรื่องน่ารู้ของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควรใส่น้ำส้มสายชูเข้าไปด้วย จะทำให้เส้นเหนียวนุ่มเพราะในนั้นมีกรดอินทรีย์ แต่ต้องนำไปต้มก่อน 1-2 นาที แล้วจึงใส่เครื่องปรุง

สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีคุณค่าทางโภชนาการ ขนาดซอง 60 กรัม สามารถให้พลังงานประมาณ 300 กว่าแคลอรี ถือว่าน้อยมาก จึงไม่ควรทานเป็นมื้อหลัก เพราะพลังงานที่คนเราต้องการอยู่ที่ 2000-2500 แคลอรีต่อวัน ฉะนั้นทุกครั้งที่ทานควรเติมผัก เนื้อหมูเข้าไปด้วย

ข้อดีของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป : เป็นเมนูที่สะดวกใช้เวลาในการทำไม่นาน มีรสชาติกลมกล่อม อร่อย ที่สำคัญเก็บไว้ได้นานมาก ๆ และไม่ว่าจะไปไหนก็สามารถพกไปได้ทุกที่

ข้อเสีย : สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีแป้งและไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก หากใครที่ทานเป็นประจำทุกวันติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้กลายเป็นคนขาดสารอาหาร ส่งผลเสียต่อร่างกายโดยเฉพาะไต ที่สำคัญหากใครแพ้โซเดียมอาจแสดงอาการชา ปวดท้ายทอย เพราะมีโซเดียมปริมาณสูงมากจึงแสดงอาการทันทีหลังจากทาน

แม้ว่าในการทานจะเพิ่มสารอาหารอย่าง โปรตีนจากเนื้อสัตว์ วิตามินจากผัก ก็ไม่ควรทานติดต่อกันหลาย ๆ วันและทานได้ไม่เกิน 1 ซองต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดีควรทิ้งระยะห่างการทานเป็นการดี อย่างไรอาหารที่เราทำเสร็จใหม่ ๆ มีประโยชน์กว่าแน่นอน เรื่องรสชาติก็สามารถปรับได้ตามใจชอบ

post

ดื่มดับร้อน! รวมเครื่องดื่มดีต่อสุขภาพ สดชื่นและแคลอรี่ต่ำ

อากาศร้อนแบบนี้สิ่งที่จะมาช่วยดับกระหายก็คือเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้วและตัวเลือกที่น่าสนใจคือ จะต้องเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพด้วย เพราะในหนึ่งวันเราจะต้องดื่มสิ่งเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง เราไปดูกันว่ามีเครื่องดื่มประเภทไหนบ้างที่จะมามอบความสดชื่นให้ฤดูร้อนนี้เฟรชขึ้นมาทันที

1.น้ำเปล่าเย็น ๆ  เป็นตัวเลือกแรกที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะร่างกายของคนเรา 80% เป็นน้ำ หากศึกษาวิธีการดื่มที่ถูกต้อง จะยิ่งเป็นการเพิ่มคุณประโยชน์มากขึ้น อย่างวิธีง่าย ๆ คือให้ค่อย ๆ จิบ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพก่อนในการกระดกหมดทีเดียวอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย

ทริกการดื่ม : ค่อย ๆ จิบระหว่างวัน ทำให้ผิวชุ่มชื่นและขับของเสียออกมาได้ดี

2.สมูทตี้ เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ในเวลานี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะไม่ใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลและไขมันต่ำสุด ๆ ให้ความหวานจากผลไม้ล้วน ๆ สามารถเลือกวัตถุดิบได้ว่าจะใส่อะไรบ้าง 

ทริกการดื่ม : ก่อนปั่นผสมกัน จะต้องดูว่าผลไม้ชนิดไหนเข้าด้วยกันได้ดี

3.น้ำส้มคั้น เป็นผลไม้ชนิดที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีเครื่องดื่มชนิดใหม่ ๆ ออกมาเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้คะแนนความฮอตฮิตลดลงไปได้เลย แม้ว่าจะไม่ใช่สายรักสุขภาพก็ชื่นชอบเป็นที่สุด มีรสชาติเปรี้ยว อมหวาน กลิ่นหอม ช่วยดับกระหายได้ดีไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำส้มล้วน ๆ หรือแบบปั่นก็ตาม ให้ความสดชื่นเต็มสิบเลยล่ะ

ทริกการดื่ม : ควรดื่มน้ำส้มที่ไม่ผสมน้ำตาลและไม่ควรดื่มเกินวันละ 240 มิลลิลิตร

4.แตงโมปั่น เป็นผลไม้ที่มีความฉ่ำทานได้ทั้งแบบสด ๆ และแบบปั่น ให้ความสดชื่นดีไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงไหนอากาศร้อนจัด มักเป็นเครื่องดื่มดับกระหายที่ได้รับความนิยมสุด ๆ 

ทริกการดื่ม : หากดื่มเพื่อสุขภาพและควบคุมน้ำหนักไม่ควรผสมน้ำตาล เพราะแตงโมมีรสหวานอยู่แล้ว

5.น้ำผึ้งมะนาว เป็นเครื่องดื่มที่ไม่เพียงทำให้ชุ่มคอเท่านั้น หากเลือกดื่มระหว่างวันจะทำร่างกายตื่นตัว ด้วยรสเปรี้ยวของมะนาวนั้นเอง โดยวิธีทำก็ง่ายแสนง่าย แค่บีบเอาน้ำมะนาวไปคนผสมกับน้ำผึ้งและเกลือในน้ำอุ่น พร้อมเทใส่น้ำแข็ง เท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสดชื่นและดีต่อสุขภาพแล้ว

ทริกการดื่ม : หากชงในน้ำอุ่นจะทำให้ชุ่มคอและลดอาการภูมิแพ้ได้ด้วย

6.น้ำกระเจี๊ยบ เครื่องดื่มสมุนไพรไทยทานง่ายและมีรสชาติดีทีเดียว ด้วยความเปรี้ยวจะเป็นตัวที่ทำให้ตื่นตัว ยิ่งผสมทานกับน้ำแข็งจะทำให้สดชื่นมากขึ้น ถือเป็นเครื่องดื่มที่ดับกระหายอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ยิ่งในผู้สูงอายุจะชอบทานเป็นที่สุด เพราะมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ แก้นิ่ว อีกทั้งเป็นตัวช่วยย่อยอาหารและยาระบายฤทธิ์อ่อน ๆ และดีไปกว่านั้นคือลดไข้และแก้ไอได้ดีทีเดียว

ทริกการดื่ม : ต้มได้ทั้งแบบสดและแห้ง เพียงแต่หากมีกระเจี๊ยบเยอะการตากแห้งเป็นการถนอมไม่ให้เท่านั้นเอง

post

เตือน! ผลไม้ที่ไม่ควรทานคู่กับอาหารบางเมนู เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าผลไม้บางชนิดไม่ควรทานคู่กับอาหารบางประเภท อย่างทุเรียนกับแอลกอฮอล์ อีกทั้งเคยมีข่าวออกมาเรื่อย ๆ ว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วทำให้เสียชีวิต จึงทำให้ไม่มีใครทานและเลี่ยง ซึ่งไม่เพียงมีแค่นี้ยังมีผลไม้ประเภทอื่น ๆ อีก ก่อนที่จะไปทานเราไปเช็กดูกันก่อนว่าผลไม้อาหารเมนูไหนไม่ควรทานคู่กัน ดังนี้

1.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

      เป็นที่รู้ ๆ กันดีกว่าห้ามทานทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะในผลไม้ชนิดนี้มีกำมะถันอยู่จำนวนมาก สามารถละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ แน่นอนว่าส่งผลให้เข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เมาเร็ว หากได้ทานเข้าไปจะเกิดอาการหายใจไม่ออก เพราะระบบหายใจเริ่มผิดปกติ อีกทั้งระดับน้ำตาลในเลือดสูงเพราะทั้งในทุเรียนและแอลกอฮอล์มีพลังงานสูง หากส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้

2.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับน้ำอัดลม

      อย่างที่ทราบกันว่าในทุเรียนและน้ำอัดลมมีน้ำตาลอยู่ปริมาณ เมื่อทานเข้าไปอาจส่งผลร้ายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคเบาหวานยิ่งอันตราย เพราะจะให้ปริมาณในเลือดสูงขึ้น

3.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับลำไย

      อีกหนึ่งคู่ผลไม้ที่อันตรายต่อสุขภาพหากทานคากันมาก ๆ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้นั้นคือทุเรียนกับลำไย เพราะทั้งสองเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากและเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน แน่นอนถ้าทานคู่กันจะมีอาการร้อนใน ควรลีกเลี่ยงในผู้ป่วยเบาหวาน ไม่ควรทานอย่างยิ่ง

4.อันตรายไม่ควรทานผักโขม ปวยเล้ง & เบคอน

      แม้ว่าทั้งคู่จะมีประโยชน์และสารอาหารที่ดีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน ธาตุเหล็กและแคลเซียม แต่หากเลือกทานจับคู่กับอาหารผิดประเภทจะส่งผลเสียแทนนั้นคือ เบคอน ผักโขม ปวยเล้ง ทั้งสามเมื่อทานคู่กัน กรดฟอสฟอริกที่มีอยู่ในเบคอนจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม ในส่วนของปวยเล้ง ผักโขมกรดไนตริกจะเปลี่ยนเป็นดินประสิว ซึ่งหากสะสมนานวันจะกลายเป็นมะเร็ง

5.อันตรายไม่ควรทานของทอด & แตงโม

      เชื่อว่าหลายคนคิดว่าทั้งสองเป็นของที่สามารถทานคู่กันได้ดี เพราะแตงโมช่วยตัดเลี่ยนในของทอด แท้จริงแล้วไม่ควรทานคู่กันเพราะฤทธิ์เย็นของแตงโมและน้ำมันที่อยู่ในของทอด เมื่อทานเข้าไปในร่างกายจะทำให้ในกระเพาะเต็มไปด้วยน้ำมันและน้ำ ส่งผลให้ท้องเสีย 

จากเมนูที่เรากล่าวถึงนั้นคงเป็นอาหารจานโปรดของหลาย ๆ คน แต่เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกายไปจนถึงการเสียชีวิตต้องอ่านสิ่งที่เราแนะนำในวันนี้ เพราะในผลไม้แต่ละประเภทรวมไปถึงผักมีสารอาหารและทำหน้าที่ได้ต่างกัน นำไปสู่การแปรสภาพสารอาหารกลายเป็นโทษแทน ฉะนั้นการทานคู่กันจึงต้องศึกษาให้ดีก่อน

post

วิธีการสร้างสุขภาพดี แบบฉบับคนรุ่นใหม่ 2019

ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว ยังทำให้รูปร่างสวยงามและหน้าดูเด็กลงด้วย

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมวิธีการสร้างสุขภาพดีแบบฉบับคนรุ่นใหม่มาฝากกัน เพื่อทุกท่านนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนี้

1. การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและผ่านการปรุงแต่งน้อย เช่น การรับประทานอาหารคลีน นึ่งและต้มแทนการทอด รวมถึงสลัดผักผลไม้สด ทำให้ได้รับคุณค่าจากวิตามินครบถ้วน นอกจากนี้การลดน้ำตาลและแป้งในมื้ออาหาร ยังทำให้ลดการสะสมส่วนเกินตามหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาได้ด้วย

2. การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ โดยเข้านอนตั้งแต่ก่อน 22:00 น. และตื่นหลัง 03:00 น. จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากร่างกายหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนออกมาฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดีในช่วงที่หลับสนิท ทั้งยังทำให้ตื่นนอนตอนเช้าด้วยอารมณ์แจ่มใสสมองปลอดโปร่ง พร้อมสำหรับการทำงานได้ดีตลอดทั้งวัน

3. การหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ปัจจุบันมีแพ็คเกจการตรวจสุขภาพราคาประหยัดที่เหมาะสมกับเพศชายและเพศหญิง ซึ่งมีบริษัทเอกชนจำนวนมากสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการตรวจสุขภาพฟรีให้แก่พนักงาน ทำให้สามารถคัดกรองโรคบางชนิด เช่น ความดัน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย

4. การพบทันตแพทย์เป็นประจำ การรักษาความสะอาดด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปาก เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ควรตรวจสุขภาพปากและฟันที่คลินิกทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือนหรือ 1 ปีด้วย เพื่อทำการขูดหินปูน ฟอกสีฟัน หรือการเช็คตำแหน่งฟันผุ เพื่อการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้ลดความรุนแรงของโรคปริทนต์และเสริมความมั่นใจในการเข้าสังคม จากการยิ้มสวยและไม่มีโรคในช่องปากด้วย

5. การออกกำลังกายในทุก ๆ เช้าจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสมองปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น และช่วยลดปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรมจากการทำงานหนักหรือทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน

6. การทำสมาธิ เป็นวิธีสร้างสมดุลให้อารมณ์และช่วยในการรักษาโรคความดัน โรคเครียด โรคซึมเศร้า ได้ด้วย มีการศึกษาพบว่าการนั่งสมาธิเป็นประจำวันละ 10-30 นาที จะทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้

จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพทั้งทางกายและใจ ด้วยการเลือกอาหาร การนอนหลับ การออกกำลังกายแบบต่าง ๆ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของทุกคน การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพ เช่น ยาเสพติด จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ยาวนานด้วย

วิธีการสร้างสุขภาพดีแบบฉบับคนรุ่นใหม่

post

ไม่บริหารร่างกายมีความเสี่ยงต่อการตายสูง

ศ.จ. แพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่ดูดบุหรี่เผยรายงานภาระหน้าที่โรคของโลกปัจจุบัน ที่เผยแพร่ในนิตยสารการแพทย์ลานเชท พบว่า โรคไม่ติดต่อเป็นต้นเหตุของการตาย 34.5 ล้านคนทั้งโลกคิดเป็นเกือบจะ 2 ใน 3 ของปริมาณผู้ตายทั้งผอง 52.8 ล้านคน ในปีพุทธศักราช2553 โดย 5 ขั้นแรกของปัจจัยการตายเช่น ความดันเลือดสูง9.4 ล้านคน ยาสูบ 6.3 ล้านคน การดื่มสุรา 5 ล้านคน การขาดการบริหารร่างกายรวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม 12.5 ล้านคน

ดร.น้อง บุญธรรมเจริญรุ่งเรือง หัวหน้าแผนการวิจัยภาระหน้าที่โรค กระทรวงสาธารณสุข เผยจำนวนคนประเทศไทยที่เสียชีวิต พุทธศักราช2552 ทั้งหมดทั้งปวง 430,652 คน เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากโรคความดันเลือดสูง 86,882 คนยาสูบ 50,710 คน การดื่มสุรา 22,672 คน การขาดการบริหารร่างกาย รวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม 31,743 คน รวมเป็นปริมาณ 192,007 คนคิดเป็น 44.5% ในปีเดียวกัน

แนวโน้มการตายของชาวไทยจากโรคที่สำเร็จจาก 5 การกระทำ อันเป็นต้นว่า ความเคร่งเครียด การสูบยาสูบ การดื่มสุรา การขาดการบริหารร่างกาย รวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม จะยังคงสูงถัดไป เพราะการกระทำเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคทั้งยัง 5 ยังคงสูงมากมาย โดยคนประเทศไทยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมทั้งโรคเบาหวานมีถึง 11 ล้านคน ชายไทยยังดูดบุหรี่ถึง 42%ดื่มสุรา 60% การออกกำลังไม่พอถึงกว่าครึ่ง กินผักผลไม้ไม่พอถึง 70%แล้วก็แม้กระทั้งคนป่วยโรคเบาหวานชาย ยังดูดบุหรี่ถึง 37% และก็ความดันสูงยังดูดบุหรี่ 31% โดยเหตุนั้นในปีงบประมาณ 2556 จะให้กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำการปรับพฤติกรรมของคนเจ็บโรคความดันสูงแล้วก็โรคเบาหวานให้ลดการรับประทานเหล้า-ยาสูบ เพิ่มการบริหารร่างกาย รวมทั้งการบริโภคของกินที่สมควร

post

10 แนวทางบริหารนิ้วมือให้แข็งแรง

“นิ้วมือ” เป็นอวัยวะสำคัญที่ร่างกายจำต้องใช้อยู่เสมอเวลา หากแม้เป็นอวัยวะเล็กๆแต่ว่ามีกระดูก ข้อต่อ รวมทั้งเอ็นอยู่ล้นหลาม ถ้าหากมีการเจ็บหรือเปลี่ยนไปจากปกติย่อมส่งผลทุกข์ยากลำบากในชีวิตประจำวันของพวกเราไม่มากมายก็น้อย ด้วยเหตุนี้พวกเราจำเป็นต้องดูแลนิ้วมือ ให้อยู่ในภาวะบริบูรณ์พร้อมใช้งาน โดยมี 10 แนวทางบริหารนิ้วมือ มาเสนอแนะทุกคนกันขอรับ

1. อบอุ่นนิ้วมือ

– นวดนิ้วเบาๆให้ผ่อนคลาย

2. คว่ำมือวางบนโต๊ะ

– กระดกนิ้วแต่ละนิ้วขึ้น-ลงครั้งละนิ้วช้าๆ
– กางนิ้วออกให้สุดดูหมิ่นเหยียดหยามและก็หุบเข้าพบกัน ทำแบบนี้ 10ครั้ง

3. กำลูกฟุตบอลขนาดเล็กพอดิบพอดีมือแล้วบีบกระทั่งสุดแรง ทำ 10 ครั้ง(ใช้บอลที่มีความยืดหยุ่น)

4. ใช้นิ้วโป้งเกี่ยวกับนิ้วอื่นๆให้เป็นรูปตัว O ทำเรียงตั้งแต่นิ้วชี้ กึ่งกลางนาง และก็ ก้อย ทำทั้งปวง 5 รอบ

5. บากบั่นทำให้ทุกข้อต่อของทุกนิ้วรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวด้วยการเบาๆขยำกระดาษ

6. นำปลายนิ้วมาติดรอบๆโคนนิ้วสลับกับการดูหมิ่นเหยียดหยามตรง ทำทั้งนั้น 10 ครั้ง

7. ยืดนิ้วโป้งแทยงผ่านฝ่ามือให้ตึงที่สุดปริมาณ 5 ครั้ง

8. พับนิ้วกลางและก็นางลงเข้าพบฝ่ามือขึ้น-ลง 10 ครั้ง

9. ดึงนิ้วมือขึ้นในแนวตรงเบาๆค้างไว้ 5 วินาที แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนแปลงนิ้ว

10. ขยับนิ้วให้เสมือนการพิมพ์ดีดเร็วๆต่อเนื่องกัน 10 วินาที เพื่อทุกข้อต่อดำเนินงานโดยตลอด

นอกเหนือจากวิธีการบริหารนิ้วแล้ว พวกเรายังควรต้องรักษาความสะอาดมือนิ้ว และก็เล็บอยู่ตลอด เพื่อถูกหลักอนามัยที่ดีและก็สุขภาพที่ปลอดภัยไม่มีโรคภัยต่างๆอีกด้วย

post

โยคะกิจกรรมที่ให้ผลดีต่อสมองและก็จิตใจ

“โยคะ” เป็นการฝึกหัดตัวเองที่เกิดจากอินเดียที่มีมานานกว่า 5,000 ปี ซึ่งในขณะนี้โยคะเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ได้รับความพอใจและก็ฝึกหัดกันอย่างล้นหลาม โดยยิ่งไปกว่านั้นบรรดาสมาคมสตรี เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่เล่นได้ง่ายและไม่จำต้องลงทุนอะไรมากสักเท่าไรนัก ครูฝึกผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมั่นใจว่าการเล่นโยคะช่วยปรับให้ซูบผอมลง ซึ่งอันที่จริงแล้วการฝึกหัดโยคะมิได้มีจุดประสงค์หลักที่การลดหุ่น ด้วยเหตุว่าดึงเอาพลังงานมาใช้ไม่มากสักเท่าไรนักหากเทียบกับการบริหารร่างกายแบบแอโรบิคประเภทอื่นๆแต่ว่าโยคะสามารถช่วยในด้านอื่นที่กิจกรรมแอโรบิคอะไรบางอย่างให้มิได้
ศ.จ.เนฮา ก็อธ และก็คณะทำงานจาก มัธยมอิลลินอยส์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการฝึกหัดโยคะอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทั้งยังในเรื่อง การเผาไหม้พลังงานการทำงานของร่างกาย ระบบความจำ ความพอใจ การเล่าเรียนทางภาษาการศึกษาเล่าเรียน กระบวนการไขปัญหา การใช้เหตุผล และก็การตัดสินใจสำหรับเพื่อการทดสอบได้แบ่งกลุ่มทดสอบออกเป็น 3 กรุ๊ป กรุ๊ปละ 10 คน(อายุ 20 ปีเสมอกัน) กรุ๊ปที่ 1 ให้ฝึกหัดโยคะ 4 ครั้ง/อาทิตย์ ทีละ 20นาที(ท่านั่ง ยืน นอน การยืดดูหมิ่นเหยียดหยามกล้ามในส่วนต่างๆแล้วก็การกำหนดลมหายใจ) กรุ๊ปที่ 2 ให้วิ่งจ๊อกกิ้ง 4 ครั้ง/อาทิตย์ ทีละ 20 นาที(ระบุอัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 60-70% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด คิดเป็น 120-140 ครั้ง/นาที) ส่วนอีกกรุ๊ปมิได้บริหารร่างกายอะไรเลย
ภายหลังทดสอบเป็นระยะเวลา 3 เดือน ได้นำผู้ทดลองทั้งปวงมาทดลองปรากฏว่าการวิ่งจ๊อกกิ้งช่วยในหัวข้อการเผาผลาญพลังงาน ควบคุมน้ำหนักก้าวหน้าที่สุด แต่ว่าในเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของร่างกายระบบความจำ ความพึงพอใจ อื่นๆอีกมากมาย นั้น การฝึกฝนโยคะช่วยปรับให้ทุกสิ่งดียิ่งขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง โดยคนที่วิ่งจ๊อกกิ้งส่งผลไม่ต่างอะไรกับกรุ๊ปที่ไม่บริหารร่างกายเลย
ศ.จ.ก็อธก็เลยได้บอกว่า การฝึกฝนโยคะนั้นมีการจัดระบบร่างกายได้อย่างแม่นยำ ระบุลมหายใจได้มั่นคง ควบคุมสมาธิความสงบเงียบของร่างกายและจิตใจไม่ให้วอกแวก สิ่งพวกนี้เกิดผลดีต่อสมองรวมทั้งความข้องเกี่ยวของระบบรูปแบบการทำงานของร่างกาย โดยสรุปคุณประโยชน์ซึ่งมาจากการฝึกหัดโยคะดังต่อไปนี้
– ด้านร่างกายด้านนอก ช่วยทำให้มีความยืดหยุ่นสูงลดการเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ

– ระบบด้านในเสถียร ช่วยเรื่องระบบหายใจ ไหลเวียนของโลหิต ทำให้คนที่มีความดันสูงลดลดลง อีกทั้งลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ

– ทางจิตใจช่วยทำให้ข่มอารมณ์ก้าวหน้า มีสมาธิแน่แน่ว ลดความเคร่งเครียด

– ด้านสมองช่วยทำให้มีความจำที่ดียิ่งขึ้น ศึกษาอะไรได้เร็ว มีการจัดการกับปัญหาแล้วก็คิดด้วยเหตุผลก้าวหน้า

ดังนี้ยังมั่นใจว่าการทดสอบและก็การศึกษาและทำการค้นพบนี้ จะก่อให้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยหันมาพอใจและก็ให้ความเอาใจใส่กับการฝึกฝนโยคะกิจกรรมที่ทำไม่ยากที่ได้มาซึ่งสุขภาพทางร่างกายแล้วก็จิตใจ

post

แนวทางบริหารดวงตาให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นักกีฬาที่ใช้สายตามากๆควรดู

แนวทางบริหารดวงตาให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นักกีฬาที่ใช้สายตามากมายๆควรจะมอง
พวกเราต่างทราบถึงกรรมวิธีการดูแลร่างกายให้ฟิตเฟิร์มด้วยการบริหารร่างกาย แต่ว่าจะมีสักกี่ผู้ที่รู้ถึงแนวทางบริหารดวงตาที่ถูก แนวทางที่จะเอ่ยถึงนี้จะช่วยทำให้มีสุขภาพดวงตาที่ดีและก็ลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาอีกด้วย

1. เช็ดฝ่ามืออีกทั้ง 2 ข้างกระทั่งรู้สึกอุ่นแล้วปิดที่กลีบตาเบาๆ(อย่าให้แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาระหว่างนิ้วมือ) ทำขั้นต่ำ 3 นาที

2. หลับตาให้สนิทค้างไว้โดยประมาณ 3-5 วินาที แล้วลืมตา 3-5 วินาที ทำใหม่ต่อเนื่องกัน 7-8 ครั้ง

3. นวดตา
– ใช้ผ้าร้อน-เย็นประคบบนบริเวณใบหน้าย้ำรอบๆขนคิ้ว,กลีบตารวมทั้งแก้มโดยเริ่มจากผ้าร้อนก่อนแล้วและก็ตามด้วยผ้าเย็น

– นำผ้าขนหนูแช่น้ำร้อน แล้วเอามาเช็ดคอ,หน้าผากแล้วก็แก้ม หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆที่หน้าผากแล้วก็นำผ้าไปวางบนกลีบตา

4. ใช้ 3 นิ้วกดเบาๆบนกลีบตาค้างไว้ 1-2 วินาทีแล้วปลดปล่อย ทำใหม่ 5ครั้ง

5. กลอกลูกตาตามเข็มนาฬิกา 5 รอบ แล้วแปลงมาทวนเข็มนาฬิกาอีก 5รอบ ระหว่างที่กำลังทำให้กระพริบตาอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม

6. จ้องมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลกว่า 50 เมตร ตรงเวลา 10-15 วินาที แล้วเบาๆปรับมาดูที่วัตถุที่อยู่ใกล้ไม่เกิน 10 เมตร อีก 10-15 วินาที ทำแบบนี้สลับกัน 5 รอบ

7. ถือดินสอให้ติดดั้ง จ้องมองไปที่ปลายดินสอและก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆขยับดินสอออกมาช้าๆจนกระทั่งสุดแขน ทำใหม่ 10 ครั้ง(อีกแนวทางเป็นให้ผูกวัตถุด้วยเชือกไว้บนฝ้าเพดาน แกว่งไปมาแล้วมองตามวัตถุนั้น 10 ครั้ง)

8. ให้จ้องมองไปที่ฝาผนัง แล้วกลอกลูกตาให้เสมือนแต่งหนังสือ โดยห้ามขยับหัว บางทีก็อาจจะยากในทีแรกๆแต่ว่าถ้าเกิดทำเรื่อยบ่อยๆจะก่อให้เห็นผลอย่างแจ่มแจ้ง

9. ฝึกหัดการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
– มองดูวัตถุผ่านลูกกรงหน้าต่าง บรรเทาร่างกายรวมทั้งหายใจแบบสบายๆถ่ายน้ำหนักจากเท้าข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง กระพริบตาอย่างเป็นจังหวะ ทำต่อเนื่อง 2-3 นาที
– ปิดตาข้างหนึ่ง แล้วหมุนหัวเป็นเลข 8 ทำ 2-3 นาทีแล้วแปรไปปิดตาอีกข้าง

10. จินตนาการว่ายืนอยู่หน้านาฬิกาขนาดใหญ่ แล้วมองดูสลับระหว่างกึ่งกลางเรือนนาฬิกากับเลขชั่วโมง ไล่มองดูตั้งแต่เลข 1 จนกระทั่งเลข 12

11. ดูไปด้านหน้าให้ไกลๆที่สุด แล้วดูวัตถุที่อยู่เยอะที่สุดแล้วเลื่อนลดลงมาที่วัตถุที่อยู่น้อยที่สุด ทำแบบนี้ 8 ครั้ง

12. กลอกลูกตาขึ้นลง 8 ครั้ง และก็กลอกลูกตาไปข้างๆซ้าย-ขวาอีก 8 ครั้ง
นอกเหนือจากแนวทางการบริหารดวงตาแล้วพวกเรายังจะต้องเลือกกินอาหารที่ดีเป็นประโยชน์ โดยยิ่งไปกว่านั้นของกินที่มีวิตามินเอ เพราะเหตุว่ามีสารลูทีนและก็ซีแซนทีน ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยสำหรับในการเห็นและก็ซ่อมบำรุงผิวดวงตา ไม่เพียงเท่านั้นการพักผ่อนหย่อนใจที่พอเพียงแล้วก็การหลีกเลี่ยงการใช้สายตาในที่ที่มีแสงสว่างน้อยหรือสว่างเหลือเกินก็นับเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ดวงตาของคุณใช้งานได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด