post

ดื่มดับร้อน! รวมเครื่องดื่มดีต่อสุขภาพ สดชื่นและแคลอรี่ต่ำ

อากาศร้อนแบบนี้สิ่งที่จะมาช่วยดับกระหายก็คือเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้วและตัวเลือกที่น่าสนใจคือ จะต้องเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพด้วย เพราะในหนึ่งวันเราจะต้องดื่มสิ่งเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง เราไปดูกันว่ามีเครื่องดื่มประเภทไหนบ้างที่จะมามอบความสดชื่นให้ฤดูร้อนนี้เฟรชขึ้นมาทันที

1.น้ำเปล่าเย็น ๆ  เป็นตัวเลือกแรกที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะร่างกายของคนเรา 80% เป็นน้ำ หากศึกษาวิธีการดื่มที่ถูกต้อง จะยิ่งเป็นการเพิ่มคุณประโยชน์มากขึ้น อย่างวิธีง่าย ๆ คือให้ค่อย ๆ จิบ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพก่อนในการกระดกหมดทีเดียวอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย

ทริกการดื่ม : ค่อย ๆ จิบระหว่างวัน ทำให้ผิวชุ่มชื่นและขับของเสียออกมาได้ดี

2.สมูทตี้ เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ในเวลานี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะไม่ใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลและไขมันต่ำสุด ๆ ให้ความหวานจากผลไม้ล้วน ๆ สามารถเลือกวัตถุดิบได้ว่าจะใส่อะไรบ้าง 

ทริกการดื่ม : ก่อนปั่นผสมกัน จะต้องดูว่าผลไม้ชนิดไหนเข้าด้วยกันได้ดี

3.น้ำส้มคั้น เป็นผลไม้ชนิดที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีเครื่องดื่มชนิดใหม่ ๆ ออกมาเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้คะแนนความฮอตฮิตลดลงไปได้เลย แม้ว่าจะไม่ใช่สายรักสุขภาพก็ชื่นชอบเป็นที่สุด มีรสชาติเปรี้ยว อมหวาน กลิ่นหอม ช่วยดับกระหายได้ดีไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำส้มล้วน ๆ หรือแบบปั่นก็ตาม ให้ความสดชื่นเต็มสิบเลยล่ะ

ทริกการดื่ม : ควรดื่มน้ำส้มที่ไม่ผสมน้ำตาลและไม่ควรดื่มเกินวันละ 240 มิลลิลิตร

4.แตงโมปั่น เป็นผลไม้ที่มีความฉ่ำทานได้ทั้งแบบสด ๆ และแบบปั่น ให้ความสดชื่นดีไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงไหนอากาศร้อนจัด มักเป็นเครื่องดื่มดับกระหายที่ได้รับความนิยมสุด ๆ 

ทริกการดื่ม : หากดื่มเพื่อสุขภาพและควบคุมน้ำหนักไม่ควรผสมน้ำตาล เพราะแตงโมมีรสหวานอยู่แล้ว

5.น้ำผึ้งมะนาว เป็นเครื่องดื่มที่ไม่เพียงทำให้ชุ่มคอเท่านั้น หากเลือกดื่มระหว่างวันจะทำร่างกายตื่นตัว ด้วยรสเปรี้ยวของมะนาวนั้นเอง โดยวิธีทำก็ง่ายแสนง่าย แค่บีบเอาน้ำมะนาวไปคนผสมกับน้ำผึ้งและเกลือในน้ำอุ่น พร้อมเทใส่น้ำแข็ง เท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสดชื่นและดีต่อสุขภาพแล้ว

ทริกการดื่ม : หากชงในน้ำอุ่นจะทำให้ชุ่มคอและลดอาการภูมิแพ้ได้ด้วย

6.น้ำกระเจี๊ยบ เครื่องดื่มสมุนไพรไทยทานง่ายและมีรสชาติดีทีเดียว ด้วยความเปรี้ยวจะเป็นตัวที่ทำให้ตื่นตัว ยิ่งผสมทานกับน้ำแข็งจะทำให้สดชื่นมากขึ้น ถือเป็นเครื่องดื่มที่ดับกระหายอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ยิ่งในผู้สูงอายุจะชอบทานเป็นที่สุด เพราะมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ แก้นิ่ว อีกทั้งเป็นตัวช่วยย่อยอาหารและยาระบายฤทธิ์อ่อน ๆ และดีไปกว่านั้นคือลดไข้และแก้ไอได้ดีทีเดียว

ทริกการดื่ม : ต้มได้ทั้งแบบสดและแห้ง เพียงแต่หากมีกระเจี๊ยบเยอะการตากแห้งเป็นการถนอมไม่ให้เท่านั้นเอง

post

เตือน! ผลไม้ที่ไม่ควรทานคู่กับอาหารบางเมนู เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าผลไม้บางชนิดไม่ควรทานคู่กับอาหารบางประเภท อย่างทุเรียนกับแอลกอฮอล์ อีกทั้งเคยมีข่าวออกมาเรื่อย ๆ ว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วทำให้เสียชีวิต จึงทำให้ไม่มีใครทานและเลี่ยง ซึ่งไม่เพียงมีแค่นี้ยังมีผลไม้ประเภทอื่น ๆ อีก ก่อนที่จะไปทานเราไปเช็กดูกันก่อนว่าผลไม้อาหารเมนูไหนไม่ควรทานคู่กัน ดังนี้

1.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

      เป็นที่รู้ ๆ กันดีกว่าห้ามทานทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะในผลไม้ชนิดนี้มีกำมะถันอยู่จำนวนมาก สามารถละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ แน่นอนว่าส่งผลให้เข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เมาเร็ว หากได้ทานเข้าไปจะเกิดอาการหายใจไม่ออก เพราะระบบหายใจเริ่มผิดปกติ อีกทั้งระดับน้ำตาลในเลือดสูงเพราะทั้งในทุเรียนและแอลกอฮอล์มีพลังงานสูง หากส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้

2.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับน้ำอัดลม

      อย่างที่ทราบกันว่าในทุเรียนและน้ำอัดลมมีน้ำตาลอยู่ปริมาณ เมื่อทานเข้าไปอาจส่งผลร้ายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคเบาหวานยิ่งอันตราย เพราะจะให้ปริมาณในเลือดสูงขึ้น

3.อันตรายไม่ควรทานทุเรียนกับลำไย

      อีกหนึ่งคู่ผลไม้ที่อันตรายต่อสุขภาพหากทานคากันมาก ๆ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้นั้นคือทุเรียนกับลำไย เพราะทั้งสองเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากและเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน แน่นอนถ้าทานคู่กันจะมีอาการร้อนใน ควรลีกเลี่ยงในผู้ป่วยเบาหวาน ไม่ควรทานอย่างยิ่ง

4.อันตรายไม่ควรทานผักโขม ปวยเล้ง & เบคอน

      แม้ว่าทั้งคู่จะมีประโยชน์และสารอาหารที่ดีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน ธาตุเหล็กและแคลเซียม แต่หากเลือกทานจับคู่กับอาหารผิดประเภทจะส่งผลเสียแทนนั้นคือ เบคอน ผักโขม ปวยเล้ง ทั้งสามเมื่อทานคู่กัน กรดฟอสฟอริกที่มีอยู่ในเบคอนจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม ในส่วนของปวยเล้ง ผักโขมกรดไนตริกจะเปลี่ยนเป็นดินประสิว ซึ่งหากสะสมนานวันจะกลายเป็นมะเร็ง

5.อันตรายไม่ควรทานของทอด & แตงโม

      เชื่อว่าหลายคนคิดว่าทั้งสองเป็นของที่สามารถทานคู่กันได้ดี เพราะแตงโมช่วยตัดเลี่ยนในของทอด แท้จริงแล้วไม่ควรทานคู่กันเพราะฤทธิ์เย็นของแตงโมและน้ำมันที่อยู่ในของทอด เมื่อทานเข้าไปในร่างกายจะทำให้ในกระเพาะเต็มไปด้วยน้ำมันและน้ำ ส่งผลให้ท้องเสีย 

จากเมนูที่เรากล่าวถึงนั้นคงเป็นอาหารจานโปรดของหลาย ๆ คน แต่เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกายไปจนถึงการเสียชีวิตต้องอ่านสิ่งที่เราแนะนำในวันนี้ เพราะในผลไม้แต่ละประเภทรวมไปถึงผักมีสารอาหารและทำหน้าที่ได้ต่างกัน นำไปสู่การแปรสภาพสารอาหารกลายเป็นโทษแทน ฉะนั้นการทานคู่กันจึงต้องศึกษาให้ดีก่อน

post

ไม่บริหารร่างกายมีความเสี่ยงต่อการตายสูง

ศ.จ. แพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่ดูดบุหรี่เผยรายงานภาระหน้าที่โรคของโลกปัจจุบัน ที่เผยแพร่ในนิตยสารการแพทย์ลานเชท พบว่า โรคไม่ติดต่อเป็นต้นเหตุของการตาย 34.5 ล้านคนทั้งโลกคิดเป็นเกือบจะ 2 ใน 3 ของปริมาณผู้ตายทั้งผอง 52.8 ล้านคน ในปีพุทธศักราช2553 โดย 5 ขั้นแรกของปัจจัยการตายเช่น ความดันเลือดสูง9.4 ล้านคน ยาสูบ 6.3 ล้านคน การดื่มสุรา 5 ล้านคน การขาดการบริหารร่างกายรวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม 12.5 ล้านคน

ดร.น้อง บุญธรรมเจริญรุ่งเรือง หัวหน้าแผนการวิจัยภาระหน้าที่โรค กระทรวงสาธารณสุข เผยจำนวนคนประเทศไทยที่เสียชีวิต พุทธศักราช2552 ทั้งหมดทั้งปวง 430,652 คน เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากโรคความดันเลือดสูง 86,882 คนยาสูบ 50,710 คน การดื่มสุรา 22,672 คน การขาดการบริหารร่างกาย รวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม 31,743 คน รวมเป็นปริมาณ 192,007 คนคิดเป็น 44.5% ในปีเดียวกัน

แนวโน้มการตายของชาวไทยจากโรคที่สำเร็จจาก 5 การกระทำ อันเป็นต้นว่า ความเคร่งเครียด การสูบยาสูบ การดื่มสุรา การขาดการบริหารร่างกาย รวมทั้งการกินของกินที่ไม่เหมาะสม จะยังคงสูงถัดไป เพราะการกระทำเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคทั้งยัง 5 ยังคงสูงมากมาย โดยคนประเทศไทยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมทั้งโรคเบาหวานมีถึง 11 ล้านคน ชายไทยยังดูดบุหรี่ถึง 42%ดื่มสุรา 60% การออกกำลังไม่พอถึงกว่าครึ่ง กินผักผลไม้ไม่พอถึง 70%แล้วก็แม้กระทั้งคนป่วยโรคเบาหวานชาย ยังดูดบุหรี่ถึง 37% และก็ความดันสูงยังดูดบุหรี่ 31% โดยเหตุนั้นในปีงบประมาณ 2556 จะให้กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำการปรับพฤติกรรมของคนเจ็บโรคความดันสูงแล้วก็โรคเบาหวานให้ลดการรับประทานเหล้า-ยาสูบ เพิ่มการบริหารร่างกาย รวมทั้งการบริโภคของกินที่สมควร

post

แนวทางบริหารดวงตาให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นักกีฬาที่ใช้สายตามากๆควรดู

แนวทางบริหารดวงตาให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นักกีฬาที่ใช้สายตามากมายๆควรจะมอง
พวกเราต่างทราบถึงกรรมวิธีการดูแลร่างกายให้ฟิตเฟิร์มด้วยการบริหารร่างกาย แต่ว่าจะมีสักกี่ผู้ที่รู้ถึงแนวทางบริหารดวงตาที่ถูก แนวทางที่จะเอ่ยถึงนี้จะช่วยทำให้มีสุขภาพดวงตาที่ดีและก็ลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาอีกด้วย

1. เช็ดฝ่ามืออีกทั้ง 2 ข้างกระทั่งรู้สึกอุ่นแล้วปิดที่กลีบตาเบาๆ(อย่าให้แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาระหว่างนิ้วมือ) ทำขั้นต่ำ 3 นาที

2. หลับตาให้สนิทค้างไว้โดยประมาณ 3-5 วินาที แล้วลืมตา 3-5 วินาที ทำใหม่ต่อเนื่องกัน 7-8 ครั้ง

3. นวดตา
– ใช้ผ้าร้อน-เย็นประคบบนบริเวณใบหน้าย้ำรอบๆขนคิ้ว,กลีบตารวมทั้งแก้มโดยเริ่มจากผ้าร้อนก่อนแล้วและก็ตามด้วยผ้าเย็น

– นำผ้าขนหนูแช่น้ำร้อน แล้วเอามาเช็ดคอ,หน้าผากแล้วก็แก้ม หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆที่หน้าผากแล้วก็นำผ้าไปวางบนกลีบตา

4. ใช้ 3 นิ้วกดเบาๆบนกลีบตาค้างไว้ 1-2 วินาทีแล้วปลดปล่อย ทำใหม่ 5ครั้ง

5. กลอกลูกตาตามเข็มนาฬิกา 5 รอบ แล้วแปลงมาทวนเข็มนาฬิกาอีก 5รอบ ระหว่างที่กำลังทำให้กระพริบตาอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม

6. จ้องมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลกว่า 50 เมตร ตรงเวลา 10-15 วินาที แล้วเบาๆปรับมาดูที่วัตถุที่อยู่ใกล้ไม่เกิน 10 เมตร อีก 10-15 วินาที ทำแบบนี้สลับกัน 5 รอบ

7. ถือดินสอให้ติดดั้ง จ้องมองไปที่ปลายดินสอและก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆขยับดินสอออกมาช้าๆจนกระทั่งสุดแขน ทำใหม่ 10 ครั้ง(อีกแนวทางเป็นให้ผูกวัตถุด้วยเชือกไว้บนฝ้าเพดาน แกว่งไปมาแล้วมองตามวัตถุนั้น 10 ครั้ง)

8. ให้จ้องมองไปที่ฝาผนัง แล้วกลอกลูกตาให้เสมือนแต่งหนังสือ โดยห้ามขยับหัว บางทีก็อาจจะยากในทีแรกๆแต่ว่าถ้าเกิดทำเรื่อยบ่อยๆจะก่อให้เห็นผลอย่างแจ่มแจ้ง

9. ฝึกหัดการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
– มองดูวัตถุผ่านลูกกรงหน้าต่าง บรรเทาร่างกายรวมทั้งหายใจแบบสบายๆถ่ายน้ำหนักจากเท้าข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง กระพริบตาอย่างเป็นจังหวะ ทำต่อเนื่อง 2-3 นาที
– ปิดตาข้างหนึ่ง แล้วหมุนหัวเป็นเลข 8 ทำ 2-3 นาทีแล้วแปรไปปิดตาอีกข้าง

10. จินตนาการว่ายืนอยู่หน้านาฬิกาขนาดใหญ่ แล้วมองดูสลับระหว่างกึ่งกลางเรือนนาฬิกากับเลขชั่วโมง ไล่มองดูตั้งแต่เลข 1 จนกระทั่งเลข 12

11. ดูไปด้านหน้าให้ไกลๆที่สุด แล้วดูวัตถุที่อยู่เยอะที่สุดแล้วเลื่อนลดลงมาที่วัตถุที่อยู่น้อยที่สุด ทำแบบนี้ 8 ครั้ง

12. กลอกลูกตาขึ้นลง 8 ครั้ง และก็กลอกลูกตาไปข้างๆซ้าย-ขวาอีก 8 ครั้ง
นอกเหนือจากแนวทางการบริหารดวงตาแล้วพวกเรายังจะต้องเลือกกินอาหารที่ดีเป็นประโยชน์ โดยยิ่งไปกว่านั้นของกินที่มีวิตามินเอ เพราะเหตุว่ามีสารลูทีนและก็ซีแซนทีน ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยสำหรับในการเห็นและก็ซ่อมบำรุงผิวดวงตา ไม่เพียงเท่านั้นการพักผ่อนหย่อนใจที่พอเพียงแล้วก็การหลีกเลี่ยงการใช้สายตาในที่ที่มีแสงสว่างน้อยหรือสว่างเหลือเกินก็นับเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ดวงตาของคุณใช้งานได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด

post

วอร์มอัพด้วยการหมุนคอหมุนหัวเข่าส่งผลกระทบระยะยาว

ย้อนไปยุควัยเด็กอาจารย์บริหารร่างกายชอบให้พวกเราวอร์มร่างกายก่อนเข้าวิชาเรียนด้วยการหมุนส่วนต่างๆของร่างกาย ไล่ลงมาตั้งแต่ คอ ไหล่ ข้อมือเอว ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า กระทั่งหลายๆคนก็ติดมาใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ซึ่งถ้าหากมาทดลองพินิจพิจารณาเป็นส่วนๆให้ลึกลงไปแล้วจะพบว่าอวัยวะแต่ละส่วนของร่างกายมีลักษณะกระบวนการเขยื้อนที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นว่า หัวไหล่ ต้นขา ก็จะมีกระดูกข้อต่อที่มีลักษณะเป็นเบ้า ก็เลยสามารถเคลื่อนได้ทุกทิศทาง แม้กระนั้นสำหรับกระดูกคอแล้วก็หัวเข่านั้นมีลักษณะข้อต่อของกระดูกที่ไม่เหมือนกันออกไป โดยกระดูกข้อต่อรอบๆคอนั้นมีการเคลื่อนไหวแบบหมุนรอบแกนเดียวตามทางยาว ส่วนกระดูกข้อต่อแถวๆศีรษะหัวเข่าเคลื่อนแบบบานพับ
วอร์มอัพด้วยการหมุนคอหมุนหัวเข่าส่งผลกระทบระยะยาว
ย้อนไปยุควัยเด็กอาจารย์บริหารร่างกายชอบให้พวกเราวอร์มร่างกายก่อนเข้าวิชาเรียนด้วยการหมุนส่วนต่างๆของร่างกาย ไล่ลงมาตั้งแต่ คอ ไหล่ ข้อมือเอว ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า กระทั่งหลายๆคนก็ติดมาใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ซึ่งถ้าหากมาทดลองพินิจพิจารณาเป็นส่วนๆให้ลึกลงไปแล้วจะพบว่าอวัยวะแต่ละส่วนของร่างกายมีลักษณะกระบวนการเขยื้อนที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นว่า หัวไหล่ ต้นขา ก็จะมีกระดูกข้อต่อที่มีลักษณะเป็นเบ้า ก็เลยสามารถเคลื่อนได้ทุกทิศทาง แม้กระนั้นสำหรับกระดูกคอแล้วก็หัวเข่านั้นมีลักษณะข้อต่อของกระดูกที่ไม่เหมือนกันออกไป โดยกระดูกข้อต่อรอบๆคอนั้นมีการเคลื่อนไหวแบบหมุนรอบแกนเดียวตามทางยาว ส่วนกระดูกข้อต่อแถวๆศีรษะหัวเข่าเคลื่อนแบบบานพับ

อีกทั้งคอรวมทั้งหัวเข่าก็เลยไม่เหมาะสมที่จะเคลื่อนในลักษณะการหมุน ซึ่งถ้าหากคนไหนกันที่หมุนคอรวมทั้งหัวเข่าอยู่เป็นประจำจะก่อให้มีการเสื่อมของกระดูกข้อต่อ มีลักษณะอักเสบรวมทั้งมีผลถึงการใช้แรงงาน ด้วยเหตุว่ามีการใช้งานที่ผิดรูปผิดร่างแล้วก็ฝ่าฝืนธรรมชาติร่างกาย โดยยิ่งไปกว่านั้นกระดูกคอนั้นถ้าเกิดใช้งานผิดแบบหรือได้รับการปะทะที่ร้ายแรงก็บางทีอาจถึงกับขนาดง่อยเปลี้ยเสียขาได้อย่างยิ่งจริงๆ เปรียบได้เสมือนดั่งประตูที่จำต้องปิด-เปิดในแนวทางเดียว แต่ว่าพวกเรากลับดึงประตูนั้นลงในแนวตั้งทุกเมื่อเชื่อวัน วันหนึ่งประตูบานนั้นก็จะฝืดหรือถึงขึ้นปิด-เปิดมิได้ตลอดกาล

กรรมวิธีการที่สมควรสำหรับเพื่อการวอร์มร่างกายรอบๆคอแล้วก็หัวเข่านั้นจะต้องหลบหลีกการหมุน แต่ว่าจำเป็นต้องเคลื่อนให้เป็นไปตามธรรมชาติของรูปแบบของกระดูกข้อต่อ
วอร์มอัพคอ

– ใช้ 2 มือประสานแล้วกดก้านคอโน้มมาด้านหน้าให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10วินาที

– ใช้ 2 มือดันรอบๆคางแหงนไปข้างหลังให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที

– ใช้มือซ้ายอ้อมไปจับหัวทางขวาแล้วโน้มมาด้านซ้ายให้ตึง พร้อมติดนิ่ง10 วินาที

– ใช้มือขวาอ้อมไปจับหัวทางซ้ายแล้วโน้มมาด้านขวาให้ตึง พร้อมติดนิ่ง10 วินาที

– เบือนหน้าไปด้านซ้ายรวมทั้งขวา 90 องศา พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที
วอร์มอัพหัวเข่า

– ลุกนั่งด้วยการพับหัวเข่าช้าๆปริมาณ 10 ครั้ง

– ยืนใช้มือจับเท้าแล้วดึงพับมาด้านข้างหลังให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10วินาที(ทำอีกทั้งซ้ายแล้วก็ขา)

– ยืนใช้มือจับใต้รอบๆหัวเข่าแล้วดึงเข้าพบอก พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที(ทำทั้งยังซ้ายและก็ขา)

นอกเหนือจากการวอร์มร่างกายก่อนบริหารร่างกายที่ถูกแล้ว ภายหลังการบริหารร่างกายก็ควรจะยืดดูหมิ่นเหยียดหยามกล้ามแล้วก็กระดูกให้ผ่อนคลายด้วยวอร์มอัพด้วยการหมุนคอหมุนหัวเข่าส่งผลกระทบระยะยาว
ย้อนไปยุควัยเด็กอาจารย์บริหารร่างกายชอบให้พวกเราวอร์มร่างกายก่อนเข้าวิชาเรียนด้วยการหมุนส่วนต่างๆของร่างกาย ไล่ลงมาตั้งแต่ คอ ไหล่ ข้อมือเอว ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า กระทั่งหลายๆคนก็ติดมาใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ซึ่งถ้าหากมาทดลองพินิจพิจารณาเป็นส่วนๆให้ลึกลงไปแล้วจะพบว่าอวัยวะแต่ละส่วนของร่างกายมีลักษณะกระบวนการเขยื้อนที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นว่า หัวไหล่ ต้นขา ก็จะมีกระดูกข้อต่อที่มีลักษณะเป็นเบ้า ก็เลยสามารถเคลื่อนได้ทุกทิศทาง แม้กระนั้นสำหรับกระดูกคอแล้วก็หัวเข่านั้นมีลักษณะข้อต่อของกระดูกที่ไม่เหมือนกันออกไป โดยกระดูกข้อต่อรอบๆคอนั้นมีการเคลื่อนไหวแบบหมุนรอบแกนเดียวตามทางยาว ส่วนกระดูกข้อต่อแถวๆศีรษะหัวเข่าเคลื่อนแบบบานพับ

อีกทั้งคอรวมทั้งหัวเข่าก็เลยไม่เหมาะสมที่จะเคลื่อนในลักษณะการหมุน ซึ่งถ้าหากคนไหนกันที่หมุนคอรวมทั้งหัวเข่าอยู่เป็นประจำจะก่อให้มีการเสื่อมของกระดูกข้อต่อ มีลักษณะอักเสบรวมทั้งมีผลถึงการใช้แรงงาน ด้วยเหตุว่ามีการใช้งานที่ผิดรูปผิดร่างแล้วก็ฝ่าฝืนธรรมชาติร่างกาย โดยยิ่งไปกว่านั้นกระดูกคอนั้นถ้าเกิดใช้งานผิดแบบหรือได้รับการปะทะที่ร้ายแรงก็บางทีอาจถึงกับขนาดง่อยเปลี้ยเสียขาได้อย่างยิ่งจริงๆ เปรียบได้เสมือนดั่งประตูที่จำต้องปิด-เปิดในแนวทางเดียว แต่ว่าพวกเรากลับดึงประตูนั้นลงในแนวตั้งทุกเมื่อเชื่อวัน วันหนึ่งประตูบานนั้นก็จะฝืดหรือถึงขึ้นปิด-เปิดมิได้ตลอดกาล

กรรมวิธีการที่สมควรสำหรับเพื่อการวอร์มร่างกายรอบๆคอแล้วก็หัวเข่านั้นจะต้องหลบหลีกการหมุน แต่ว่าจำเป็นต้องเคลื่อนให้เป็นไปตามธรรมชาติของรูปแบบของกระดูกข้อต่อ
วอร์มอัพคอ

– ใช้ 2 มือประสานแล้วกดก้านคอโน้มมาด้านหน้าให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10วินาที

– ใช้ 2 มือดันรอบๆคางแหงนไปข้างหลังให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที

– ใช้มือซ้ายอ้อมไปจับหัวทางขวาแล้วโน้มมาด้านซ้ายให้ตึง พร้อมติดนิ่ง10 วินาที

– ใช้มือขวาอ้อมไปจับหัวทางซ้ายแล้วโน้มมาด้านขวาให้ตึง พร้อมติดนิ่ง10 วินาที

– เบือนหน้าไปด้านซ้ายรวมทั้งขวา 90 องศา พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที
วอร์มอัพหัวเข่า

– ลุกนั่งด้วยการพับหัวเข่าช้าๆปริมาณ 10 ครั้ง

– ยืนใช้มือจับเท้าแล้วดึงพับมาด้านข้างหลังให้ตึง พร้อมติดนิ่ง 10วินาที(ทำอีกทั้งซ้ายแล้วก็ขา)

– ยืนใช้มือจับใต้รอบๆหัวเข่าแล้วดึงเข้าพบอก พร้อมติดนิ่ง 10 วินาที(ทำทั้งยังซ้ายและก็ขา)

นอกเหนือจากการวอร์มร่างกายก่อนบริหารร่างกายที่ถูกแล้ว ภายหลังการบริหารร่างกายก็ควรจะยืดดูหมิ่นเหยียดหยามกล้ามแล้วก็กระดูกให้ผ่อนคลายด้วย