นักการตลาดออนไลน์จำเป็นต้องรู้จักความแตกต่างของ SEO กับ SEM สำหรับการทำเว็บไซต์เพื่อให้ประสบความสำเร็จ คือ มีทั้งยอดผู้ชมเว็บไซต์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับมีรายได้ที่บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

วันนี้เราจะมาดูกันว่า SEO กับ SEM ที่จำเป็นในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร มาคลายข้อสงสัยไปพร้อมกันเลย

ความหมายของ SEO (Search Engine Optimization)

เป็นการปรับเว็บไซต์ให้มีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ Off-page SEO และ On-Page SEO เหมาะสมต่อการวิเคราะห์และประมวลผลด้วยระบบ algorithm ของ search engine นำมาสู่การจัดอันดับ ที่ดี Top Ten , Top Five ในหน้าต่างการสืบค้น

1. ส่วน Off-Page SEO คือการเพิ่มลิงค์เชื่อมโยงเว็บไซต์ภายนอกมาสู่หน้าจอเว็บไซต์หลักของคุณ ไม่ว่าจะเกิดจากการที่คุณไปตอบคำถามที่ให้สาระประโยชน์แก่ผู้บริโภคไว้ที่อื่นพร้อมแนบ Link เพื่อให้ผู้ที่สนใจมาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของคุณ

หรือจะเกิดจากการที่คุณสร้างพันธมิตรกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาสาระเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของคุณได้ จึงเป็นวิธีที่ทำให้เกิดการขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น

2. ส่วนของ On-page SEO คือ การปรับในส่วนของเนื้อหา สื่อมัลติมีเดีย และการจัดเรียงองค์ประกอบของเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการใช้งาน แต่ก็คงความเป็นอัตลักษณ์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำเว็บไซต์ของคุณได้ดี

การทำ SEO จึงจะต้องมีความอดทนทำอย่างต่อเนื่องโดยอาจจะต้องใช้ทีมงานที่รับผิดชอบการทำ SEO อย่างมีคุณภาพ อย่างน้อยต้องใช้เวลา 1-2 เดือน ในการสะสมข้อมูล Data ลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงหวังผลในระยะยาวได้ดี

ความหมายของ SEM (Search Engine Marketing)

จะเป็นการจ่ายเงินเพื่อให้ได้อันดับ 1-4 ของหน้าต่างการสืบค้น ทำให้การันตีได้ว่าเว็บไซต์ของคุณ จะปรากฏสู่สายตาของผู้ใช้ search engine นั้น ๆ อย่างแน่นอน

โดยการจ่ายเงินจะจ่ายในลักษณะ PPC (Pay Per Click) คือทาง Google หรือ Yahoo จะคิดเงินก็ต่อเมื่อผู้ชมได้คลิกเข้าไปสู่เว็บไซต์ของคุณตามโฆษณานั้น

การทำ SEM ช่วยลัดสั้นระยะเวลาให้ธุรกิจคุณได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานในการสั่งสมข้อมูลอย่างการทำ SEO และแม้เว็บไซต์คุณจะมีหน้าเดียวก็สามารถทำ SEM ได้ ซึ่งแตกต่างจาก SEO ที่ต้องมีองค์ประกอบหลักหลายครบถ้วนมากกว่า

การจะเลือกทำ SEO SEM หรือจะทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน ก็เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนในฐานะเจ้าของธุรกิจออนไลน์สามารถที่จะพิจารณาแล้วก็เลือกได้ตามความเหมาะสม แต่ก็ควรจะมีระบบในการวิเคราะห์ว่าแบบใดมีความคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายมากที่สุด

รวมถึงต้องดูผลลัพธ์ว่ามีจำนวนของผู้ติดตามเว็บไซต์และยอดการขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากส่วนใดมากกว่ากัน หากสามารถวิเคราะห์ได้เช่นนี้ ก็จะทำให้การทำ SEO และ SEM ตอบโจทย์ในการทำธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น