post

การรับมือกับคน toxic ที่ไม่น่าปวดหัวอีกต่อไป

การจัดการกับคนนิสัยไม่ดีอาจเป็นเรื่องท้าทายและทำให้เสียอารมณ์ วิธีจัดการที่จะสามารถช่วยคุณเบี่ยงเบนความสนใจจากคนเหล่านี้

ระบุพฤติกรรม: ขั้นตอนแรกคือการจดจำพฤติกรรมที่เป็นพิษที่คุณกำลังเผชิญอยู่ สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการบงการ การวิจารณ์ การปฏิเสธ การดูหมิ่น หรือการกระทำใดๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกหมดแรง ถูกดูหมิ่น หรือไม่ปลอดภัย

กำหนดขอบเขต: เมื่อคุณระบุพฤติกรรมที่เป็นพิษได้แล้ว ให้กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการจำกัดการติดต่อ ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาเฉพาะเจาะจง หรือแสดงความรู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของพวกเขาโดยตรง กล้าแสดงออกและมั่นคงในการสื่อสารของคุณ

อย่าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขา: จำไว้ว่าพฤติกรรมที่เป็นพิษมักเกิดจากปัญหาของแต่ละคน ไม่ใช่ภาพสะท้อนถึงคุณค่าของคุณ อย่ามองแง่ลบของพวกเขาเป็นการส่วนตัวหรือพยายามแก้ไข

จัดลำดับความสำคัญในการดูแลตนเอง: การมีส่วนร่วมกับคนนิสัยไม่ดีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ของคุณได้ อย่าลืมจัดลำดับความสำคัญในการดูแลตนเอง เช่น เทคนิคการผ่อนคลาย การใช้เวลาร่วมกับคนที่คุณรักที่คอยให้กำลังใจ และกิจกรรมที่คุณชอบ

ขอความช่วยเหลือ: การพูดคุยกับเพื่อนที่คุณไว้ใจ สมาชิกในครอบครัว นักบำบัด หรือที่ปรึกษาอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง พวกเขาสามารถให้คำแนะนำ การสนับสนุน และช่วยคุณพัฒนากลไกการรับมือ

ลองลดหรือยุติความสัมพันธ์: ในบางกรณี ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือการแยกตัวออกห่างหรือยุติความสัมพันธ์กับคนนิสัยไม่ดีโดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเคารพขอบเขตของคุณ

ประเด็นที่น่าใส่ใจและควรปฏิบัติเป็นอย่างมากคือ

มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้: คุณไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่นได้ แต่คุณสามารถควบคุมปฏิกิริยาและตัวเลือกของคุณเองได้

อย่าทะเลาะวิวาทหรือพยายาม “เอาชนะ”: การมีส่วนร่วมกับคนนิสัยไม่ดีในระดับเดียวกับพวกเขาอาจเป็นเรื่องไร้ประโยชน์และบั่นทอนจิตใจ

จัดลำดับความสำคัญด้านสุขภาพจิตของคุณ: จำไว้ว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่ากลัวที่จะเดินหนีจากสถานการณ์หรือความสัมพันธ์ที่ทำให้คุณเสียหาย

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการจัดการกับคนนิสัยไม่ดีนั้นเป็นการเดินทางส่วนตัว และแนวทางที่ถูกต้องอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะ ใจดีกับตัวเอง จัดลำดับความสำคัญความเป็นอยู่ที่ดีและอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือหากจำเป็น

post

กินบะหมี่กึ่งสำเร็จสำเร็จรูปอย่างไรไม่ให้ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ

ยุคนี้ไม่ว่าอะไรก็แพงไปหมด แม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อก่อนเราซื้อในราคาห่อละ 6 บาท ปัจจุบันขึ้นเป็นห่อละ 8 บาทไปแล้ว จึงไม่ใช่เมนูของคนที่อยากประหยัดอีกต่อไป เพราะเมื่อเฉลี่ยแล้ว การทานอาหารที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ในบางเมนูยังถูกกว่าเสียอีก แต่ด้วยรสชาติน้ำซุบนั้นแซบถึงใจ จึงทำให้เราติดรสชาตินั้นไปแล้ว แต่หากไม่ได้มองเรื่องแพง แต่จะทานอย่างไรให้เกิดผลดีที่สุด วันนี้เราจะมาบอกกันให้ได้รู้ 

อย่างที่ทราบกันว่าในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากทีเดียว ฉะนั้นควรใส่สารอาหารอื่นเข้าไปผสมตอนต้มด้วย เช่น ผัก ไข่ เนื้อสัตว์ เหล่านี้จำเป็นต้องใส่อย่างยิ่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกดังนี้ 

-อ่านฉลากบรรจุภัณฑ์เสมอ เลือกซื้อที่มีสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” เนื่องจากปริมาณโซเดียมน้อยและควรเลือกแบรนด์ที่เพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ

ไม่รับประทานเป็นประจำหรือให้เป็นอาหารหลัก ยิ่งในเด็กไม่ควรทาน เพราะจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ฉะนั้นในหนึ่งวันไม่ควรทานเกินวันละ 1 ซอง หากมากกว่านั้นอาจเกิดโรคไต ความดันโลหิต

-การทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบดิบ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะทำให้ท้องอืดได้ 

เรื่องน่ารู้ของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควรใส่น้ำส้มสายชูเข้าไปด้วย จะทำให้เส้นเหนียวนุ่มเพราะในนั้นมีกรดอินทรีย์ แต่ต้องนำไปต้มก่อน 1-2 นาที แล้วจึงใส่เครื่องปรุง

สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีคุณค่าทางโภชนาการ ขนาดซอง 60 กรัม สามารถให้พลังงานประมาณ 300 กว่าแคลอรี ถือว่าน้อยมาก จึงไม่ควรทานเป็นมื้อหลัก เพราะพลังงานที่คนเราต้องการอยู่ที่ 2000-2500 แคลอรีต่อวัน ฉะนั้นทุกครั้งที่ทานควรเติมผัก เนื้อหมูเข้าไปด้วย

ข้อดีของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป : เป็นเมนูที่สะดวกใช้เวลาในการทำไม่นาน มีรสชาติกลมกล่อม อร่อย ที่สำคัญเก็บไว้ได้นานมาก ๆ และไม่ว่าจะไปไหนก็สามารถพกไปได้ทุกที่

ข้อเสีย : สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีแป้งและไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก หากใครที่ทานเป็นประจำทุกวันติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้กลายเป็นคนขาดสารอาหาร ส่งผลเสียต่อร่างกายโดยเฉพาะไต ที่สำคัญหากใครแพ้โซเดียมอาจแสดงอาการชา ปวดท้ายทอย เพราะมีโซเดียมปริมาณสูงมากจึงแสดงอาการทันทีหลังจากทาน

แม้ว่าในการทานจะเพิ่มสารอาหารอย่าง โปรตีนจากเนื้อสัตว์ วิตามินจากผัก ก็ไม่ควรทานติดต่อกันหลาย ๆ วันและทานได้ไม่เกิน 1 ซองต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดีควรทิ้งระยะห่างการทานเป็นการดี อย่างไรอาหารที่เราทำเสร็จใหม่ ๆ มีประโยชน์กว่าแน่นอน เรื่องรสชาติก็สามารถปรับได้ตามใจชอบ

post

พฤติกรรมที่ไม่รู้ตัว ทำให้ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้

พฤติกรรมที่ดีจะดึงดูดผู้คนทำให้อยากอยู่ใกล้ บางคนมีพฤติกรรมผลักตัวเองจากผู้คนโดยไม่รู้ตัว เมื่อทำอะไรไปแล้วจะกลับกู้คืนได้ยาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอก 4 พฤติกรรมที่ทำลายเสน่ห์ตัวเองจนเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนไม่อยากอยู่ใกล้ ซึ่งมีอะไรบ้าง มาดูกัน

สาเหตุทำให้ผู้คนไม่อยากอยู่ใกล้

พฤติกรรมที่ 1 การพูดคุยที่สร้างความรำคาญ การพูดคุยที่กระทบความรู้สึกต่อผู้คนมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุยแบบหยาบคาย ส่งเสียงดังในที่สาธารณะ วาจาคำหยาบฟังแล้วไม่รื่นหู ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สามารถใช้ได้กับสังคมหนึ่ง แต่ไปอยู่อีกที่หนึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เหมาะสมกับกาลเทศะ การพูดขัดคอไปทุกเรื่อง พูดแบบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือชอบพูดเรื่องของตัวเองเพราะหลงตัวเองจนไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้พูดคุยบ้าง ชอบพูดตีโพยตีพาย ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจ จู้จี้ขี้บ่นอาจจะเป็นการบ่นเรื่องทั่วไปหรือบ่นเรื่องราวของตัวเอง เช่น ทำไมตัวเองโชคร้ายหรือน้อยใจโชคชะตา เมื่อบ่นมากเกินไปก็จะทำให้ผู้คนรำคาญจนไม่อยากอยู่ใกล้ แทนที่จะนำเวลาไปปรับปรุงตัวแล้วทำสิ่งดี ๆ จะดีกว่าการบ่นเสียอีก

พฤติกรรมที่ 2 เคร่งเครียดเป็นประจำ การมีอารมณ์ที่เคร่งเครียดหรือจริงจังอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีซึ่งจะแตกต่างกับคนที่มีอารมณ์ขัน ก็จะทำให้บรรยากาศสบาย ๆ มากกว่า

พฤติกรรมที่ 3 บั่นทอนจิตใจผู้คน หากคุยกันอยู่ดี ๆ เช่น เรากำลังจะทำโครงการนี้ แล้วคนที่มองโลกในแง่ร้ายได้ตอบว่า “เธอทำไม่ได้หรอก” ซึ่งเป็นการตำหนิหรือเป็นการพูดคุยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จนบั่นทอนจิตใจ แตกต่างกับคนที่มีมองโลกในแง่บวก ซึ่งจะเป็นคนที่ให้แรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่สามารถนำนิสัยดี ๆ ของเขามาพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นได้

พฤติกรรมที่ 4 การแสดงความมั่นใจที่ทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยค่า ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามั่นใจมากเกินไปแบบมีอีโก้สูง จนแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าด้อยค่า ทั้งที่คนอื่นก็เก่งเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้คนมักหน่ายหนี ทางที่ดีถ้ามีความมั่นใจก็ควรเสริมความมั่นใจให้กับคนอื่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน แล้วจะพบว่าตัวเองมีเสน่ห์ในสายตาผู้คนเลยทีเดียว

พฤติกรรมที่ไม่รู้ตัว ทำให้ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้

หากใครที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้และเป็นมิตร สามารถฝึกฝนกันได้เพียงมีความจริงใจ มีน้ำใจและช่วยเหลือคนอื่นในวันที่เขาเป็นทุกข์ ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งจนกระทบจิตใจหรือสร้างความลำบากใจให้กับคนอื่น ซึ่งเป็นการแสดงถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา นอกจากนี้เน้นการดูแลตัวเองทำความสะอาดทางกายภาพตั้งแต่เส้นผมถึงปลายเท้า ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปากและกลิ่นกาย รวมถึงไม่อดหลับอดนอนเพราะได้มีการวิจัยจากประเทศสวีเดนและเนเธอร์แลนด์มาแล้วว่า คนที่อดนอนมักจะมีถุงใต้ตาและรอบ ๆ ตาดำคล้ำ หน้าตาดูโทรม ส่งผลให้คนไม่อยากคุยด้วยนั่นเอง

post

วิธีลดปัญหาโลกร้อนที่เราทุกคนทำได้

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันทั่วโลกกำลังประสบภาวะโลกร้อนหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนักวิจัยทั่วโลกเกือบ 3 พันคนจากประเทศชั้นนำด้านวิจัยวิทยาศาสตร์ต่างสรุปว่า กิจกรรมมากมายที่คนเราทำต่อเนื่องมาในช่วง 50 ปีนี้ส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นและทำให้สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ เรามาดูกันว่ามีวิธีใดที่ทุกคนจะสามารถช่วยโลกให้รอดพ้นจากวิกฤตได้

ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

การเปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงที่อากาศเย็น การเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ตลอดเวลา การติดเครื่องยนต์รอเป็นเวลานาน จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและเกิดการเผาไหม้วัตถุเชื้อเพลิงและเกิดสารพิษตกค้างในอากาศที่ทำให้ภาวะเรือนกระจกสาเหตุของโลกร้อนรุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงควรควบคุมเวลาในการใช้เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดมากขึ้น

เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแบบประหยัด

หลอดรุ่นเก่าทรงกลมเป็นหลอดที่อายุการใช้งานสั้นและทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่จำเป็น ซึ่งในปัจจุบันจะมีเทคนิคการผลิตหลอดไฟรุ่นใหม่ที่เรียกว่าหลอด CFL และ LED ที่มีลักษณะกระชับ เล็ก ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานหลายหมื่นชั่วโมง แถมยังเปลืองไฟน้อยกว่า ดังนั้น หากหลอดไฟขาด ครั้งหน้าขอให้นึกถึงตัวช่วยรุ่นใหม่เหล่านี้

ลดการใช้ถุงพลาสติก

เม็ดพลาสติกที่ย่อยสลายทำให้เกิดขยะมหาศาลที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทุกครั้งที่มีการทิ้งก็ต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีกว่าจะถูกทำลายหมด ซึ่งปัญหาที่เห็นได้ในระยะหลังคือ ปริมาณเม็ดพลาสติกขนาดจิ๋วที่ตกค้างในทะเลมหาสมุทร ทำให้สัตว์น้ำกินเข้าไปจนสะสมทำให้ระบบการหายใจและการย่อยอาหารหยุดชะงัก ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทางที่ดีควรหันมาใช้ถุงผ้าหรือกระเป๋าหนังที่มีอายุการใช้งานนานแทน

ลดการใช้น้ำมันเครื่องยนต์

ควรเปลี่ยนวิธีการขับรถไปทำงาน จากรถยนต์ส่วนตัว ไปเป็นการใช้บริการรถสาธารณะ เรือ รถไฟฟ้า รถเมล์แทน หรืออาจจะใช้เป็นระบบก๊าซขับเคลื่อนแทนน้ำมัน จะช่วยลดการผลิตสารพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงบนท้องถนนได้มากยิ่งขึ้น

ใช้ภาชนะจากธรรมชาติแทนกล่องโฟม

กล่องโฟมเป็นสารสังเคราะห์ที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายนานเช่นเดียวกับถุงพลาสติก ซึ่งปัจจุบันมีการทำภาชนะบรรจุอาหาร ที่ทำจากชานอ้อย เปลือกข้าวโพด ผักตบชวา ฯลฯ ซึ่งสามารถใช้ในการใส่อาหารร้อนและเย็นได้ ไม่เป็นขยะให้กับโลกด้วยหรืออาจจะใช้ปิ่นโตโลหะที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องมีการเปลี่ยนบ่อย ๆ ก็ได้

จะเห็นได้ว่า เทคนิคในการลดปัญหาโลกร้อนทำได้หลายอย่าง ขอเพียงเราทุกคนมีวินัยและส่งต่อพฤติกรรมที่ช่วยรักษ์โลกสู่ลูกหลาน ก็จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลงได้โดยเร็ว

ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น