post

สุขภาพดีสร้างได้ เปลี่ยนวิถีชีวิตให้เป็นคุณคนใหม่

ทราบกันดีว่าการดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายเป็นประจำทำให้มีสุขภาพดี แต่วิถีชีวิตของคนเราทุกวันนี้เวลาไม่เอื้ออำนวย เป็นเรื่องยากที่จะหาเวลาเตรียมอาหารกิน เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานแล้วก็ยากที่เหลือพลังในการออกกำลังกายอย่างจริงจัง สุขภาพดีสร้างได้โดยไม่ต้องทุ่มเทแรงกายมาก เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ที่ใครๆ ก็ทำได้

  • รับประทานอาหารตรงเวลา มีสารอาหารครบ 5 หมู่อย่างสมดุล ประกอบด้วยธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้ เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ น้ำตาลและเกลือปริมาณพอเหมาะ ดื่มน้ำเปล่าเพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • หากการทำงานแต่ละวันรีดพลังงานจนแทบไม่เหลือ ลองออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน เต้นรำ โยคะ วิ่ง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณชอบ เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลา 30 นาทีเกือบทุกวัน โดย แบ่งเวลาออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 10 นาที
  • แปรงฟันหลังอาหาร ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน คนเราอายุมากขึ้นยิ่งต้องดูแลระบบทางเดินอาหารและลำไส้มากขึ้น พยายามเคี้ยวให้ละเอียด
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณพอเหมาะถ้าคุณ ห้ามดื่มก่อนหรือขณะขับรถ พยายามลดหรือเลิกสูบบุหรี่ ถ้าติดบุหรี่หรือแอลกอฮอล์พยายามจะเลิก แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้วางใจได้
  • จัดการกับความเครียดในชีวิต ทุกวันนี้เรามีชีวิตที่วุ่นวายและรีบเร่ง เครียดทั้งเรื่องงาน ครอบครัว และเรื่องอื่นๆ ทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว อาหารไม่ย่อย ควรปรับทัศนคติการมองโลกในแง่บวก ทำในสิ่งที่ทำให้มีความสุข พูดคุยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงชักชวนกันทำกิจกรรมดีๆ ช่วยให้หายเครียด การออกกำลังกายเป็นประจำ ทำสมาธิหายใจลึกๆ หัวเราะบ่อยๆ ทำให้มีความสุขและช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี หรือแม้แต่การเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็มีประโยชน์ในยามเครียด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ควรนอนวันละประมาณ 8 ชั่วโมง เลิกนิสัยรอดูผลบอลสดตอนดึกเสียเถอะ ก่อนนอนทำใจให้สงบเพื่อให้นอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ ไม่กระสับกระส่ายหรือตื่นบ่อยในตอนกลางคืน ควรจัดห้องนอนให้มีอากาศถ่ายเท ปิดม่านให้ห้องมืดสนิท ทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นสะสม ก่อนนอนฟังเพลงเบาๆ หรือดื่มนมอุ่นๆ ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  • ปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อฟอกอากาศและดูดซึมสารพิษ ตื่นเช้ามาเดินเล่นสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายไปในตัว ใบไม้และดอกไม้หลากสีสันทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุขและคลายเครียดได้
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงโดยตรง โดยเฉพาะเวลา 10.00-15.00 น. เป็นช่วงที่ไม่ควรออกไปนอกอาคาร ถ้าจำเป็นต้องทำงานกลางแจ้งควรทาครีมกันแดดเสมอเพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB รวมถึงสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพ

สุขภาพดีทำได้ไม่ยากเลย วิธีการต่างๆ ข้างต้นเป็นแนวทางปฏิบัติที่ยืดหยุ่นได้ ปรับให้เหมาะกับตัวเองช่วยให้ชีวิตมีความสุข ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มคุ้มที่ดี แข็งแรงทั้งกายและใจ

post

เทคนิคแต่งบ้านให้น่าอยู่ ใคร ๆ ก็ทำได้

บ้านคือสถานที่สำคัญสำหรับทุกชีวิต เราทุกคนต้องการความสบายตาและสบายใจเมื่อใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงในบ้าน หลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานนอกบ้านและการเดินทางมาตลอดทั้งวัน เรามาดูกันว่าจะมีเทคนิคอะไรบ้างที่ทำให้บ้านของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น

1. ใช้หมอนลายน่ารักแต่งบ้าน

หากมีเฟอนิเจอร์อยู่ไม่ว่าจะเป็นโซฟา เก้าอี้ไม้ หรือแม้แต่ชั้นวางของ เราสามารถนำหมอนขนาดย่อม ๆ มาเป็นอุปกรณ์แต่งบ้านได้อย่างอเนกประสงค์ จะเป็นหมอนทรงกลม เหลี่ยม ยาว ก็ใช้ได้หมด เลือกสีสันของปลอกหมอนที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม ดูสบายเพลินตา หรือจะให้แลดูโดดเด่นเปลี่ยนบรรยากาศให้คึกคักก็ได้เช่นกัน

2. ปรับเปลี่ยนผ้าม่าน

ลองโละผ้าม่านที่ใช้อยู่เก่าออกไป และเปลี่ยนสไตล์การแต่งกรอบหน้าต่างด้วยมู่ลี่แบบพลาสติกหรือเป็นซี่ไม้ไผ่แทน หรืออาจเลือกผ้าม่านดีไซน์ใหม่ที่ทำจีบระบายสวย ๆ หรือเป็นลายลูกไม้แบบบางเบา ทำให้ลมผ่านได้ง่าย หรือเสริมอีกชั้นด้วยผ้าทอแบบหนาที่ช่วยปกป้องแสงแดดส่องมารบกวนในทิศตะวันออกก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ สีสันของม่าน โดยทั่วไปมักแนะนำให้ใช้สีเทา เบส น้ำตาล หรือสีอ่อน เพราะทำให้ไม่เบื่อง่ายและทำให้บ้านดูสว่างขึ้น 

3. ใช้สีสันและดีไซน์ของโคมไฟ

เชื่อหรือไม่ว่า สีสันของหลอดไฟและรูปทรงโคมไฟสามารถทำให้บรรยากาศในบ้านเปลี่ยนไปได้ หากชอบแนววินเทจ หรือ loft ก็สามารถเลือกซื้อได้จากร้านขายของสไตล์ยุโรปเก๋ ๆ หรือ ร้านขายของแนว DIY หรืออาจจะหาซื้อวัสดุจำพวกไม้และหลอดไฟมาทำเองก็ได้เช่นกัน แนะนำว่าการเลือกสีของหลอดไฟ ให้เป็นโทนสีส้ม ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศความโรแมนติกและความผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้นด้วย

4. ใช้เทียนหอมหรือก้านน้ำหอม

ปัจจุบันมีความนิยมใช้เทียนหอมหรือก้านน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น โดยกลิ่นมะลิและลาเวนเดอร์เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะมีการวิจัยว่าช่วยให้ผ่อนคลายได้จริง อาจประดับตามมุมห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือในห้องน้ำก็ได้เช่นกัน

5. เติมต้นไม้ในบ้าน

ไม้กระถางขนาดเล็ก เช่น แคคตัส ไผ่กวนอิม เอื้องกล้วยไม้ และพืชใบด่างต่าง ๆ สามารถตกแต่งในบ้านได้ทุกมุม เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ทำให้สมาชิกในบ้านรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งขึ้นได้มากกว่าเคย

การตกแต่งบ้านมีอยู่หลายเทคนิคที่เราสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำของใช้ที่มีอยู่ในบ้านมาปัดฝุ่นตกแต่งบ้านใหม่ หรือเปลี่ยนยกเซตเพื่อให้ได้ของตกแต่งบ้านชุดใหม่ที่สร้างบรรยากาศแตกต่างจากเดิมก็ได้เช่นเดียวกัน เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้ไอเดียในการตกแต่งบ้านเพื่อทำให้บ้านของคุณน่าอยู่ยิ่งขึ้น

post

บอกลาปัญหานอนไม่หลับด้วยผลเชอร์รี่

เป็นที่ทราบกันดีเวลาง่วงนอนหยิบผลไม้มารับประทานช่วยเรียกความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ แต่อาจไม่ทราบว่าผลไม้รสชาติหอมหวานอย่างเชอร์รี่เป็นตัวช่วยให้นอนหลับง่าย ไม่ว่าจะเป็นผลสด ทาร์ตเชอร์รี่ ไอศกรีม หรือปั่นเป็นเครื่องดื่ม ผลเชอร์รี่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างไรและมีประโยชน์อะไรอีกบ้างมาดูกัน

เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีเมลาโทนินปริมาณสูง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนหลับโดยตรง เนื่องจากเมลาโทนินเป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยหลั่งจากต่อมไพเนียลในสมองมีผลต่อวงจรการนอนหลับและตื่นของร่างกาย ในทางการแพทย์สารเมลาโทนินช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ ไม่เพียงแต่ทำให้นอนหลับเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้หลับสนิทเป็นเวลานานขึ้นอีกด้วย

การนอนหลับไม่สนิทไม่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกด้วย หากคุณมีอาการนอนไม่หลับหรือหลับ ๆ ตื่น ๆ กลางดึก ส่งผลให้ง่วงนอนตอนกลางวันซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ลองรับประทานผลเชอร์รี่หรือเลือกผลิตภัณฑ์แยมและขนมหวานเพื่อเพิ่มปริมาณเมลาโทนิน เชอร์รี่แต่ละสายพันธุ์มีปริมาณเมลาโทนินแตกต่างกัน ชนิดที่มีรสเปรี้ยวมีปริมาณเมลาโทนินมากกว่ารสหวาน

นอกจากช่วยให้นอนหลับสบายแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ เชอร์รี่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอ วิตามินซี แมกนีเซียม ทั้งยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีช่วยให้ขับถ่ายง่าย บำรุงผิวพรรณให้เต่งตึงดูสดใสอ่อนเยาว์ ลดการอักเสบ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ส่งผลดีต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง นับเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยควบคุมน้ำหนักตัวด้วย

แนะนำให้กินเชอร์รี่ก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าผลเชอร์รี่สดหาซื้อยาก ไม่มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป รับประทานเชอร์รี่อบแห้งแบบน้ำตาลน้อยแทน หรือจะเป็นลูกพรุนแห้งและอินทผลัมก็ได้ ถ้าเป็นน้ำเชอร์รี่จะต้องไม่หวานและไม่เติมน้ำตาล ปริมาณมากหรือน้อยอาจส่งผลต่อแต่ละคนต่างกันไป ทดลองด้วยตัวเองลองดื่มสักครึ่งแก้วก่อนนอนราว 2-3 วันแล้วดูอาการตอบสนองว่านอนหลับดีขึ้นหรือไม่ ถ้ายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ลองเพิ่มปริมาณอีกเล็กน้อยรอดูผลลัพธ์กันต่อไป

เมื่อไรที่ร่างกายเหนื่อยล้า ง่วงเหงาหาวนอน ไม่มีเรี่ยวแรง สารเมลาโทนินจะฟื้นฟูพลังให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากผลเชอร์รี่แล้วยังพบสารเมลาโทนินในผลไม้ไทยอีกหลายชนิด เช่น กล้วย ส้ม มะม่วง มะละกอ และสับปะรด เพียงรับประทานผลไม้ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเมลานินและสารต้านอนุมูลอิสระได้ รักษาอาการนอนไม่หลับได้ผล ป้องกันอาการปวดหัวจากไมเกรนและโรคต่าง ๆ ด้วย อีกทางเลือกหนึ่งคือถั่วบางชนิด เช่น อัลมอนด์และวอลนัท กินก่อนนอน 20 นาทีช่วยให้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่

หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับ แทนที่พลิกตัวไปมาบนเตียงหรือกินยานอนหลับที่มีผลข้างเคียงอย่างเช่น ปากแห้ง ปวดหัว เวียนหัว ท้องผูก ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติรับประทานผลไม้ที่มีอยู่ในตู้เย็นเป็นประจำจะช่วยให้เอาชนะปัญหานอนไม่หลับได้ง่ายขึ้น

post

ไอเดียประหยัดฉลาดล้ำ ลดค่าใช้จ่ายรายเดือน

เมื่อพูดถึงการประหยัดเงิน อย่ามองข้ามวิธีการเก็บเล็กผสมน้อยเพราะทุก ๆ บาทมีความสำคัญ อยากมีเงินเก็บอย่าคิดนาน ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ เริ่มออมเงินได้เร็วเท่าไรยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเงินออมที่ต้องการเร็วขึ้นเท่านั้น ขอแนะนำไอเดียประหยัดเงิน 5 ข้อ มาดูกันว่าไอเดียไหนที่นำไปใช้ได้บ้าง

1.ตั้งเป้าหมายเงินออมเพื่อสร้างแรงจูงใจ
การออมเงินเป็นเรื่องยากสำหรับคนรายได้น้อย หากตั้งเป้าหมายการออมสำหรับอนาคตทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อช่วยให้มีสมาธิจดจ่อและมีแรงจูงใจมากขึ้น ตั้งเป้าหมายง่าย ๆ เช่น อยากซื้อทีวีเครื่องใหญ่ ซื้อรถยนต์ หรือไปเที่ยววันหยุด ส่วนเป้าหมายระยะยาว เช่น ออมเพื่อซื้อบ้านหรือเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณ

2.หักเงินฝากเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ
เริ่มจากเปิดบัญชีออมทรัพย์และตั้งค่าการหักเงินอัตโนมัติฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือน ช่วยให้ประหยัดได้ง่าย ออมเงินต่อเนื่องจำนวนเท่ากันทุกเดือน เริ่มต้นด้วยการคำนวณรายได้หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีเงินเหลือเท่าไร ออมเท่าไรจึงไม่รัดเข็มขัดแน่นเกินไป การเก็บเงินก่อนใช้จ่ายทำให้เป้าหมายออมเงินเป็นจริงมากกว่าการใช้จ่ายทั้งเดือนแล้วรอให้เงินเหลือค่อยเก็บ เมื่อมีเงินเหลือในแต่ละเดือน แม้ว่าจะเป็นเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์เสมอ

3.ชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวนและตรงเวลา
การชำระค่าหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวน โดยเฉพาะชำระเงินคืนเต็มจำนวนภายในกำหนดทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย หากชำระบิลตรงเวลาเสมอจะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมชำระเงินล่าช้า เพียงเท่านี้ก็ช่วยประหยัดเงินได้ บางกรณีมีส่วนลดการชำระเงินก่อนกำหนดด้วย หากใช้วิธีการจ่ายบิลแบบหักเงินในบัญชีอัตโนมัติรายเดือน ก็ควรตรวจสอบใบเรียกเก็บเงินทุกเดือน

4.คิดให้นาน ถ่วงเวลาก่อนใช้จ่าย
การซื้อเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าใช้เวลาคิดให้มากหน่อย ถ่วงเวลาให้นานหน่อยก่อนซื้อเป็นไอเดียที่ดี เพราะแรงกระตุ้นให้อยากซื้อจะลดลงมาก รอเวลาให้ผ่านไปสัก 3-4 สัปดาห์ดูว่ายังต้องการอยู่อีกหรือไม่ ความปรารถนาอาจลดลงจนรู้สึกว่าของสิ่งนั้นไม่จำเป็นเท่าไรไม่ต้องซื้อก็ได้ จะประหยัดเงินได้เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น เป็นอีกไอเดียช่วยให้จัดการเงินออมได้ดีขึ้น มีเงินเก็บออมมากขึ้น

5.กินอยู่ดี ประหยัดกว่าที่คิด
เลิกกินกาแฟแบรนด์ดัง เลิกเหล้า เบียร์ บุหรี่ สามารถช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าที่คิด หลีกเลี่ยงการสังสรรค์มื้อเย็นนอกบ้านแม้จะคิดว่ากินเป็นครั้งคราวไม่น่าจะแพงเท่าไร แต่ความจริงแล้วราคาที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งซื้ออาหารมื้อธรรมดาได้เป็นสัปดาห์ เลือกกินตามรายได้ กินอาหารมื้อเย็นที่บ้านจะถูกกว่า ประหยัดเงินได้มาก และยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย

การออมเงินไม่จำเป็นต้องบีบบังคับตัวเองให้มาก ไม่เช่นนั้นอาจล้มเหลวกลางคัน กินของอร่อยไม่ต้องแพงทั้งประหยัดเงินและได้กินหลายอย่างด้วย ปรับไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับรายได้มากที่สุด ที่กล่าวมานี้เป็นไอเดียช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าและทำได้ผลจริง

post

ใครๆ ก็อยากเป็นคนรวย

เมื่อเอ่ยถึงความรวย มีใครบ้างไม่อยากรวย ใคร ๆ ก็อยากรวย เพราะภาพของความรวยมักจะอยู่ควบคู่กับความสุขสบาย ไม่ทุกข์ร้อนอนาทรกับชีวิตมากมายอะไร แต่ในชีวิตจริงมีกี่คนที่จะก้าวไปสู่การร่ำรวยได้จริงหรือบางคนก้าวไปถึงจุดที่พบกับคำว่าร่ำรวยแล้วก็จริง แต่ไม่นานนักทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาก็มลายหายไป จนต้องกลับไปยืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ

ไม่ต้องรวยก็สุขได้ จริงหรือ?

แน่นอนว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่พูดว่า ไม่เห็นต้องรวยเราก็มีความสุขได้ คำถามคือที่พูดอย่างนั้นเพราะคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือว่าแค่พูดประชด? ไม่ผิดหรอก ที่ใครจะบอกว่าคนเราถึงจะไม่ร่ำรวยเงินทอง ทรัพย์สมบัติ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมีแต่ความทุกข์ คุณยังหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่ได้ เพียงแต่คุณต้องรู้จักคำว่า พึงพอใจ เสียก่อน ไม่จำเป็นต้องลุ้นวิเคราะห์บอลให้เข้าจนเครียด

พูดได้ แต่ทำไม่ได้?

เดี๋ยวนี้ คนเรา “พูด” คำว่าพึงพอใจกันเก่ง แต่ “ทำ” ไม่เก่ง ที่บอกว่า “ทำ” ไม่เก่ง ก็คือ อยากจะรู้สึกว่าพอแล้ว แต่การกระทำมันยังทำไม่ได้ มันพอไม่ลง เมื่อเป็นเช่นนี้ คนเราถึงรวย (หมายถึง รวยความพอใจ) ในสภาพที่ยังจนขัดสนเงินทองไม่ได้

จะพอใจกับสิ่งที่มีได้อย่างไร?

มีคำถามที่ว่า หากเราอยากจะรู้สึกร่ำรวย ด้วยความพึงพอใจในสภาพเท่าที่มี แม้ยังขัดสน เราควรทำอย่างไร? ถ้าคุณอยากจะรวยด้วยความรู้สึกว่าตัวเองพอใจในสิ่งที่มี คุณต้องเริ่มจากการตั้งสติ ทบทวนความเป็นจริงในชีวิตเสียก่อน ว่าอะไรคือความจำเป็น อะไรคือส่วนเกิน ต่อมา คือการพิจารณาดูว่าในชีวิตคุณมีสิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิตครบถ้วนหรือไม่ ถ้ามีพอ แสดงว่าส่วนที่เหลือก็คือส่วนเกิน

ไม่รวย หรือ ไม่พอ

คนเราส่วนมากรู้สึกว่าไม่รวยเพราะรู้สึกว่าไม่พอมากกว่า ถ้าเรารู้สึกว่าพอจริง ๆ ความรวยก็เกิดขึ้นได้ตอนนั้นเลย การรู้สึกพอไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่การพูดออกไป แต่ต้องอาศัยความเข้าใจจริง ๆ ว่าชีวิตเราต้องการอะไร ชีวิตคนเรานั้น เกิดมาต้องการเพียงแค่ปัจจัยสี่ ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค ส่วนที่เหลือ เรียกว่าเป็นปัจจัยที่ห้า หก เจ็ด แปดที่เราสร้างเงื่อนไขขึ้นมาเองว่าเราต้องมี ต้องเป็น ต้องได้

คุณลองสังเกตดูคนที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงระดับโลก พอถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาจะพบว่าเงินทองที่หามามากมายจนเรียกว่า ตลอดชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่คำตอบของชีวิตที่เขาค้นหา หลายคนจึงบริจาคเงินเกินครึ่งที่มีให้การกุศล! ทุกคนเลือกได้ว่าอยากจะร่ำรวยแบบไหน รวยที่ตัวหรือรวยที่จิตใจ อยากรวยแบบไหนก็ทำเองได้ตามที่เห็นสมควร และแน่นอนว่า บางคนอาจจะคิดถามว่า ขอรวยทั้งตัวและใจเลยได้ไหม? คำตอบคือ ย่อมได้แน่นอน ขอเพียงกล้าฝันแล้วลงมือทำ ใครทำได้ทั้งสองอย่าง ย่อมมีทั้งความสุขและความสบายซึ่งถือว่าเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยมเลย

post

เทคนิคการลดหย่อนภาษีที่คนวัยทำงานต้องรู้

เมื่อเราอยู่ในวัยทำงานมีรายได้ นอกจากเอามาใช้จ่ายแล้ว ยังต้องรู้จักเก็บออม และสำรองไว้เตรียมจ่ายภาษีด้วย โดยอัตราการคิดภาษีเป็นแบบขั้นบันไดขึ้นอยู่กับระดับรายได้รวมตลอดทั้งปี ถ้าต่ำกว่า 150,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากรายได้รวมสูงกว่านั้นคุณจะต้องเสียภาษีในอัตรา 5 จนถึง 35 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หากไม่รู้วิธีการ ลดหย่อนภาษี ก็จะทำให้คุณมีเงินเก็บออมที่น้อยลง

เรามาดูกันว่าสามารถลดหย่อนภาษีได้ด้วยวิธีใดบ้าง

1.เลี้ยงดูบิดามารดา
สิทธิ์นี้ถือว่าเป็นรางวัลแด่ผู้ที่กตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ เมื่อถึงเวลายื่นภาษีจะมีช่องให้คุณเลือกว่าเลี้ยงดูพ่อแม่อยู่ แล้วจะได้รับสิทธิการลดหย่อนภาษีถึง 60,000 บาท หากคุณเป็นลูกคนเดียวก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้แน่นอน แต่หากมีพี่น้องก็จำเป็นต้องตกลงกันว่าใครจะได้ใช้สิทธิ์นี้

2.ออมผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ
กอช. เป็นโครงการของรัฐ ที่ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีเงินเก็บออมในระยะยาว จึงสนับสนุนให้นำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ เพียงนำหลักฐานที่พิมพ์อย่างเป็นทางการจาก กอช. มาแนบด้วย คุณจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่คุณส่งเข้ากองทุนนี้ ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี

3.การลงทุนระยะยาวแบบ LTF RMF
เราสามารถนำหลักฐานการซื้อกองทุน LTF RMF มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินกว่าที่รัฐบาลกำหนดคือ 15% ของรายได้ทั้งปี (ก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ) และต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

4.การบริจาค
มีองค์กรการกุศล มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงหน่วยงานเอกชนที่คุณสามารถบริจาคแล้วนำใบเสร็จมาลดภาษีได้ เช่น โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ฯลฯ บางกรณีสามารถลดหย่อนได้ถึง 2 เท่าของการบริจาคจริงด้วย คุณจึงได้โอกาสนี้ในการทำบุญและได้เงินคืนกลับมาเพื่อเก็บออมในอนาคตพร้อมกัน

5.การเลี้ยงดูผู้พิการ
หากในบ้านมีผู้พิการในครอบครัวที่คุณดูแลอยู่ คุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนค่าดูแลบุคคลที่พิการหรือทุพพลภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่เสมอไป อาจเป็นสามีภรรยาหรือบุคคลที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ต้องมีใบรับรองจากแพทย์และเอกสารต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์

การลดหย่อนภาษีถือว่าเป็นสิทธิ์ที่คนทำงานทุกคนต้องศึกษา เพื่อใช้สิทธิ์นี้ได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญ คือ การเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ จากการรับจ้างงานที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย รวมถึงเอกสารแสดงดอกเบี้ยที่เราผ่อนส่งบ้าน รถยนต์ หรืออื่น ๆ ที่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่รัฐบาลประกาศ จะทำให้เรามั่นใจว่ามีหลักฐานการขอคืนภาษีที่ครบถ้วน เพื่อใช้เวลาตรวจสอบน้อยลง จะทำให้ได้รับคืนภาษีเร็วขึ้นด้วย

post

4 เคล็ดลับฝึกใจให้มีสมาธิ เมื่อต้องเวิร์คฟอร์มโฮม

คำว่า “Work From Home” เวิร์คฟอร์มโฮม ที่กำลังอยู่ในกระแสของมนุษย์เงินเดือนและหน่วยงานต่างๆ ในช่วงของดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นนั้น เป็นแนวทางที่นานาประเทศทั่วโลกเลือกปฏิบัติ โดยพร้อมเพรียงกันบนพื้นฐานความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและการพัฒนารูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งหากเรามองโลกในแง่ดีการเวิร์คฟอร์มโฮม ก็มีข้อดีหลายประการ แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านไปกับข่าวสารและบรรดาเฟคนิวส์ต่างๆบนโลกโซเชียล เพื่อให้เรามีสมาธิในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ดังนั้นวันนี้เราลองมาดูกันว่า 4 เคล็ดลับในการฝึกจิตใจให้มีสมาธิ เมื่อต้องเวิร์คฟอร์มโฮมที่เรานำมาฝากมีอะไรกันบ้างค่ะ

เคล็ดลับข้อที่ 1.ฝึกเขียนตารางเวลาในการปฏิบัติภาระกิจในแต่ละวัน และแยกเขียนใส่กระดาษแปะไว้หน้าโต๊ะทำงานหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้เราใส่ใจกับสิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น และอาศัยข้อดีของการที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงานวันละหลาย ๆ ชั่วโมง เพื่อสะสางงานที่คั่งค้าง พร้อมทั้งวางแผนการทำงานในวันพรุ่งนี้และในรอบสัปดาห์ได้อีกด้วย การที่เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาข้อผิดพลาดจากการขาดสมาธิที่อาจต้องกลับมาแก้ไขใหม่ ซึ่งทำให้ล่าช้าและเกิดความเครียดตามมาได้

เคล็ดลับข้อที่ 2. ฝึกทำ Work Maps เพื่อให้แผนการทำงานรอบคอบและพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถจัดขั้นตอนการทำงานได้ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยเฉพาะหากเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและการเตรียมพร้อมมากกว่าปกติ เราก็จะสามารถปรับเวลาการทำงานให้เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงและนำมาซึ่งความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว กว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอน และผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง

เคล็ดลับข้อที่ 3. ฝึกการทำสมาธิในช่วงเวลาเช้าก่อนเริ่มต้นทำงาน หรือช่วงก่อนนอน เพื่อทำความสะอาดความคิดและทำให้สมองปลอดโปร่ง เลือกวิธีที่ถนัดได้ทั้งเจริญภาวนาพุทโธ และการกำหนดลมหายใจก็ทำได้หมด ตัวอย่างจากแนวทางที่พระสงฆ์ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานับพันปี การเจริญสมาธิ นอกจากจะช่วยให้จิตใจสงบและมีสติแล้ว ยังช่วยปรับจูนทัศนคติเชิงบวก และทำให้ปรับสมดุลระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติและมีสุขภาพที่ดีด้วย

เคล็ดลับข้อที่ 4. เปิดเพลงบรรเลงหรือเพลงคลาสสิกที่มีแต่ดนตรีคลอเบา ๆ ระหว่างการทำงานจะช่วยเพิ่มสมาธิและมีงานวิจัยเกี่ยวกับเสียงเพลงคลาสสิกเหล่านี้ว่าสามารถช่วยจัดเรียงคลื่นสมองให้มีพลังในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีอีกด้วย

การฝึกใจให้มีสมาธิไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมคะ เพราะถ้าคนอื่น ๆ ทำได้ รับรองว่าคุณเองก็ทำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มทำสมาธิในวิธีที่เหมาะกับเรากันดีกว่านะคะ

post

ทำความรู้จักอินทผาลัม พืชทะเลทรายที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร

อินทผาลัมเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน สามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและตากแห้ง โดยเป็นพืชในตระกูลปาล์ม ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่แห้งแล้งแถบทะเลทราย จึงเป็นผลไม้นำเข้าที่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีการนำมาปลูกในหลายพื้นที่ของประเทศไทยแล้ว ทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น มาดูกันว่าพืชชนิดนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

อินทผาลัม มีชื่อสามัญว่า Date palm และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phoenix dactylifera L. เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตร้อนและแห้งแล้ง ซึ่งถือเป็นพืชส่งออกสำคัญของประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยประชากรส่วนใหญ่ในแถบนั้นนับถือศาสนาอิสลาม คนมุสลิมนิยมรับประทานอินทผาลัมในช่วงละศีลอดของทุกวัน ซึ่งมีแบบอย่างจากท่านศาสดา และต่อมามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ช่วยยืนยันว่าอินทผาลัมประกอบไปด้วยน้ำตาลที่สามารถดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดได้ง่าย ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานและฟื้นตัวจากความอ่อนล้าได้อย่างรวดเร็ว

อินทผาลัมมีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมีรสชาติและราคาแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้วผลสุกแบบสดจะมีรสหวานและฝาดเล็กน้อย และเมื่อมีผลสุกเป็นจำนวนมากก็จะถนอมอาหารด้วยการนำไปตากแห้ง ซึ่งผลที่ตากแห้งนี้ก็จะมีความหวานเพิ่มมากขึ้นด้วย ร้านค้าส่วนใหญ่ในบ้านเราก็จะเห็นอินทผาลัมแบบตากแห้งมากกว่าแบบสดเพราะสามารถเก็บรักษาได้นานและมีราคาถูกกว่า

มีรายงานว่าในอินทผาลัม 100 กรัม จะให้พลังงาน 282 กิโลแคลอรี่ โดยมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 75 % โปรตีนประมาณ 2 % ไขมัน 0.39 % เส้นใย 8 % นอกจากนี้ยังมีสารอาหารและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม แคลเซียม และโพแทสเซียม โดยมีโพแทสเซียมสูงคิดเป็น 14 % ที่ร่างกายของผู้ใหญ่ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายสดชื่นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

เนื่องจากสารอาหารที่มีอยู่มากมายในอินทผาลัมทำให้มีสรรพคุณต่าง ๆ มากตามไปด้วย โดยพบว่าอินทผาลัมมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ เป็นแหล่งโปรไบโอติกที่เป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ช่วยปรับสมดุลการย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ช่วยลดอาการเสียเลือดหลังคลอดบุตร บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยรักษาโรคเบาหวานและบำรุงตับอ่อน เป็นต้น แต่เนื่องจากอินทผาลัมมีโพแทสเซียมและน้ำตาลสูง จึงควรระวังในกลุ่มผู้ที่ปัญหาเรื่องการกำจัดโพแทสเซียม เช่น ผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจ นอกจากนี้ควรรับประทานในปริมาณที่พอดีกับการใช้พลังงาน เพราะถ้ารับประทานมากเกินไป​ก็จะทำให้เกิดพลังงานส่วนเกินสะสม และเกิดโรคอ้วนตามมาได้

อินทผาลัมที่มีสายพันธุ์แตกต่างและมาจากแหล่งเพาะปลูกที่ต่างกันก็มีองค์ประกอบทางโภชนาการและรสชาติที่ต่างกันไป โดยสามารถเลือกซื้อได้ตามรสชาติที่ชอบ ในประเทศไทยก็มีการปลูกในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการรับประทานได้มากขึ้น

post

กลับบ้านไป ! บาร์ซ่า ตัดชื่อ โมริบา ไม่ได้ไปอุ่นเครื่องที่เยอรมันร่วมกับทีมชุดใหญ่

บาร์เซโลน่า ยอดทีมของลีกสเปนได้มีข่าวว่า พวกเขาจะขาย อิไลซ์ โมริบา มิดฟิลด์ไม่รุ่งออกจากทีมทันที โดยมีโอกาสที่ โมริบา จะย้ายไปเล่นยังลีกต่างแดนจากโปรแกรม บอลพรุ่งนี้ หรือไปอยู่กับสโมสรแห่งอื่นในลีกสเปนด้วยกัน

เพราะการที่ โมริบา โดนตัดชื่อออกจากทีมชุดที่จะเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีเพื่อเข้าค่ายฝึกซ้อมปรีซีซั่น มันเลยยิ่งเป็นการโหมข่าวว่า โมริบา ไม่เอาแล้วกับสโมสรนี้

Sport ได้กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เร่งเจรจากันมาตลอด เพื่อที่จะได้ขยายสัญญาของเขา ซึ่งเขากำลังจะหมดสัญญาในเดือนมิถุนายนปี 2022 แล้ว แต่ความต้องการด้านเงินค่าเหนื่อยที่สูงของนักเตะวัย 18 ปีรายนี้ทำให้การเจรจาต่อสัญญาต้องหยุดชะงัก

และต่อมาสโมสรดังของคาตาลุนญ่า ก็ได้ตัดสินใจลดระดับของเขา จากการเป็นสมาชิกทีมชุดแรกด้วยการให้ไปอยู่กับทีมชุดเบแทนแล้วในขณะนี้

นักเตะดาวรุ่งรายนี้ถูกตามล่าลายเซ็นโดยสโมสรต่างๆ ทั่วยุโรป ซึ่งเขาเองก็ตระหนักดีถึงผลที่ตามมาของการไม่ได้ต่อสัญญา หรือกระทั่งการไม่ได้มีส่วนร่วมในการซ้อมกับทีมชุดใหญ่ มันอาจจะทำให้เขาไม่ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ๆอีก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความสุขกับเงื่อนไขที่ บาร์เซโลน่า เสนอให้เขา ซึ่งต้องการให้เขาอยู่ต่อ แต่ก็ไม่ได้เพิ่มเงินค่าตัวอะไรให้มากมาย

โมริบา เชื่อว่า เขาควรได้รับการพิจารณาในการได้รับเงินค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จากผลงานของเขาที่ทำไว้ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเขาได้มาเล่นในทีมชุดใหญ่แล้ว

post

Clubhouse คืออะไร 5 ข้อควรรู้ไม่ตกเทรนด์

นาทีนี้เดินไปทางไหนหรือจะหันไปทำอะไรก็มีแต่คนพูดถึง Clubhouse หลายคนคงได้เคยสัมผัสกับมันมาแล้ว แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่รู้ว่า Clubhouse คืออะไร และก็ยังไม่คิดจะสนใจศึกษา จะบอกไว้เลยว่าใครที่คิดอย่างนั้นค่อนข้างน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะ Clubhouse นอกจากผู้ใช้ได้ประโยชน์และเพิ่มพูนความรู้แล้ว ยังจะได้เพื่อนใหม่ในสังคมนี้อีกเพียบ ดังนั้นเรามาศึกษา Clubhouse กัน

1.Clubhouse คืออะไร? – คลับเฮ้าส์คือแอปพลิเคชันล่าสุดของสังคมออนไลน์ที่ใช้รูปแบบการสร้างปฏิสัมพันธ์กันด้วยการใช้เสียง (Voice Chat) สนทนากันแบบ Real-time มันก็คล้าย ๆ กับแอปพลิเคชันไลน์ที่ฮิตนักหนา แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์คุยกันแต่ใช้การพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน Clubhouse ได้ทันที อารมณ์คล้าย ๆ โทรศัพท์คุยกันนั่นล่ะ ต่างกันตรงที่คุยกันได้ทีเป็นร้อยคนไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนของมุมโลกก็คุยกันได้หมดใน Clubhouse

2.ทำไมอยู่ ๆ Clubhouse ก็เป็นที่นิยม? – สาเหตุที่อยู่ ๆ Clubhouse ก็ถูกรู้จักกันเป็นวงกว้างก็เพราะ มิสเตอร์ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้เชิญชวนคนผ่านทวิตเตอร์ให้เข้ามาใช้งาน Clubhouse และได้พูดถึงการซื้อขายหุ้น ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมพูดคุยในห้องนี้ก็คือมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerburg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก จึงทำให้การพูดคุยใน Clubhouse กลายเป็นที่ฮือฮาเพียงข้ามคืนเพราะ Clubhouse ได้กลายเป็นแหล่งรวมของผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายของโลกให้เข้ามาอยู่รวมกัน

3.จุดเด่นของ Clubhouse คืออะไร? –Clubhouse คือสังคมของผู้ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกที่ได้เข้ามารวมตัวเพื่อแบ่งปันความรู้หรือความสามารถของตนเองให้เป็นกรณีศึกษาของผู้ที่สนใจ และสามารถนำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจของตนได้ หมายความว่าใครที่อยากจะได้ความรู้จากคนเด่นคนดังก็ไม่ต้องหาโอกาสเจอเขาตามงานสัมมนา แค่ค้นให้เจอว่าพวกเขาเหล่านั้นเข้ามาร่วมแจมอยู่ห้องไหน แล้วหาโอกาสเข้าไปห้องนั้น

4.Clubhouse ใช้งานอย่างไร? – การใช้งานของ Clubhouse แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ผู้พูดจะเป็นผู้ควบคุมห้องสนทนา สามารถกำหนดหัวข้อในการพูดคุย รวมถึงเลือกผู้ฟังที่สนใจ เชื้อเชิญให้มาฟังได้ และอีกแบบคือผู้ฟังสามารถเลือกหาห้องสนทนาที่เราสนใจหรือติดตามเพื่อเข้าไปร่วมศึกษาหาความรู้ และหากต้องการสนทนาด้วยก็แค่กดปุ่มยกมือเพื่อขออนุญาตเจ้าของห้อง

5.กระแส Clubhouse ในไทยเป็นอย่างไร? – เริ่มโด่งดังและเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากเพราะเป็นแหล่งข้อมูลความรู้และชุมชนขนาดใหญ่ที่ให้เราได้เปิดหูเปิดตากันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง การศึกษา การทำธุรกิจหรืออินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ก็มีทั้งนั้น

รู้แล้วใช่ไหมว่าชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่อย่าง Clubhouse นี้ให้ประโยชน์กับเราได้อย่างไรบ้าง ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผู้พูดที่ชอบแบ่งปัน หรือเป็นผู้ฟังที่ชอบศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจหรือความสามารถ ก็มาร่วมใช้งานได้ทั้งนั้น เพราะ Clubhouse ช่วยให้เรื่องที่อยู่ไกลตัวซึ่งไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้สัมผัส มาให้อยู่ใกล้ตัวเราได้แล้วในวันนี้