post

ฝึกจิตให้คิดบวก ฝนตกได้อะไร

ฝนตก น้ำท่วม รถติด เป็นเรื่องหงุดหงิดของคนส่วนใหญ่โดยจิตวิทยาแล้ว คนเรามักจะมีปฏิกิริยาลบกับปัญหาที่ตกกระทบกับตัวเราเป็นลำดับแรก น้อยคนนักที่จะมองหาข้อดีของเหตุการณ์เหล่านี้ ฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ เป็นสถานการณ์ที่ยากต่อการหลีกเลี่ยง เมื่อเป็นเช่นนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือ การปรับตัว เรียนรู้ เข้าใจ แล้วหาประโยชน์จากมัน เรามาลองฝึกมุมคิดแบบบวกกัน

ปัญหาฝนตกส่งผลกระทบได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความหนักเบาของฝน ลองพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้

ผลผลิตเสียหาย สำหรับภาคเกษตรกรรมปัญหาน้ำท่วมจากฝนตกถือเป็นเรื่องใหญ่ที่นำความเสียหายมายังเกษตรกรเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันหลายครอบครัวก็สามารถพลิกวิกฤตินี้ให้กลายเป็นโอกาสใหม่ได้อย่างคาดไม่ถึง เช่น ปรับชนิดของพืชเกษตรให้สอดคล้องกับฤดูกาล, เปลี่ยนจากปลูกพืชไปเลี้ยงสัตว์น้ำ,ยกเลิกการทำเกษตรอาชีพไปเป็นเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว, เรียนรู้การปลูกพืชนอกฤดูกาลเพื่อหลบเลี่ยงการปลูกในฤดูเดียว,การเน่าเสียของพืชผลทางการเกษตรผลักดันให้เกิดการศึกษาเรียนรู้เรื่องการแปรรูป ลดความเสียหายและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตให้มากขึ้น ตลอดจนสามารถเพิ่มช่องทางการขาย การรับรู้จากภาคธุรกิจอื่นๆมากขึ้นทำให้เกิดการต่อยอดในภาคเกษตรสมัยใหม่ต่อไป ในบางพื้นที่เกษตรกรหยุดทำการเกษตรและหันไปหาอาชีพอื่นเป็นการชั่วคราว ขอเพียงมีสติ ปรับตัว เรียนรู้ เตรียมการหาทางออกไม่ปล่อยให้ปัญหายังคงเป็นปัญหา ประตูชัยย่อมเปิดเสมอ

ไฟดับ อย่าต้อนรับไฟดับด้วยความหงุดหงิด ให้ตั้งคำถามทันทีว่า ไฟดับทำอะไรดีนะ? แล้วเรามาหาคำมุมบวกในคำตอบเหล่านี้กัน สำรวจระบบไฟสำรอง ไฟส่องสว่างฉุกเฉิน โดยเฉพาะในสถานพยาบาล,ออฟฟิศ,สถานที่สาธารณะที่เป็นแหล่งชุมชน, ได้เวลางีบหลับ หรือนั่งสมาธิ, ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ, เลือกงานที่สามารถสื่อสารได้ทางโทรศัพท์มาจัดการในช่วงนี้, เปลี่ยนไปทำงานข้างนอกแทน, ให้รางวัลพนักงานกลับบ้านก่อนเวลา หรือปรับให้เป็นวันทำกิจกรรมนอกออฟฟิศ สำหรับคนที่อยู่บ้านจะปรับตัวง่ายกว่าด้วยการหางาน หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้ไฟมาสลับทำในช่วงเวลาที่ไฟดับ หรือออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเท่านั้นเอง ลองตั้งคำถามเตรียมพร้อมต้อนรับไฟดับกันไว้ ไฟดับทำอะไรดี ?

รถติด เป็นปัญหาคลาสสิคโดยเฉพาะในเส้นทางที่มีการก่อสร้าง ปัญหาที่ทำให้เราหงุดหงิดเวลารถติด คืออะไรบ้างล่ะ เข้างานสาย ผิดเวลานัด น้ำมันหมด หิว มีปัญหาระบบขับถ่าย ง่วง และอีกสารพัดปัญหาที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น จะว่าไปปัญหานี้เป็นเรื่องที่เราคาดการณ์ล่วงหน้าได้ระดับหนึ่งจากการติดตามพยากรณ์อากาศ เราสามารถเตรียมการและหามุมบวกในโอกาสนี้ได้ เช่น เผื่อเวลาการเดินทาง, ปรับแผนการนัดหมาย (สถานที่+เวลา),เตรียมความพร้อมของน้ำมันรถ,เตรียมอาหารรองท้องระหว่างทาง,เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง, เปิดฟังยูทูปสาระความรู้ดี ๆ เบี่ยงเบนความสนใจจากการจ้องรถติดนี่คือช่วงเวลาทองของการเรียนรู้, บริหารร่างกายในท่าทางที่สามารถทำได้บนที่นั่งคนขับ อาทิ ใช้อุปกรณ์บริหารกล้ามเนื้อมือ,กระดกส้นเท้าขึ้น-ลง, ฝึกสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกและยาวดึงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองให้มากขึ้นเพิ่มความสดชื่น ลดอาการง่วงนอนได้อย่างชะงัดถ้าฝึกประจำจะทำให้หน้าอ่อนกว่าวัยด้วย, กรอกตาซ้าย-ขวา-บน-ล่าง ลดอาการล้าบนใบหน้าและดวงตาได้มาก ฯลฯ ถ้าปรับวิธีคิดระหว่างรถติดได้ในแบบข้างต้น ปัญหารถติดจะกลายเป็นของขวัญระหว่างเดินทางในทุกวันของเรา

ในทุกวิกฤติมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอขึ้นอยู่กับมุมมองของเราที่มีต่อวิกฤตินั้นๆ อย่าปล่อยให้ความหงุดหงิดเป็นเรื่องเคยชินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ติดตรึงจนเป็นนิสัย เราอาจหงุดหงิดได้แต่ต้องหายให้เร็วด้วยการฝึกคิดบวก เอาน้ำดีไปไล่น้ำเสียออกจากวิธีคิดของเรา การมองปัญหาเป็นปัญหาไม่ได้ช่วยลดขจัดปัญหาให้หมดไป แต่หากกลับมุมมองให้มองปัญหาเป็นปัญญา ทางออกที่สดใสจะเปิดไฟสว่างให้เราได้ก้าวเดินเสมอ

post

ชวนเขียนไดอารี่ สร้างพลังใจ

อัลเบิร์ต ไอน์สไตล์ กล่าวไว้ว่า “Life is like riding a bicycle. To keep your balance, you must KEEP MOVING.” ชีวิตก็เหมือนกับการขี่จักรยานนั่นแหละถ้าจะให้มันวิ่งต่อไปได้ก็ต้องปั่นรักษาความเร็วให้สมดุล ชีวิตก็เหมือนกันถ้าอยากให้ก้าวไปต่อก็ต้องทำให้มันเคลื่อนต่อไปไม่หยุดนิ่ง ระหว่างทางเดินชีวิตเราสำราญกับความสุขและได้เผชิญทุกข์ที่บุกมาท้าทายศักยภาพในการเอาตัวรอดของเราเป็นระยะ ๆ บ้างเป็นโจทย์ระยะสั้น บ้างเป็นโจทย์ระยะยาว และหลายโจทย์ก็ทำให้ชีวิตเราเสียสมดุล เมื่อถึงที่สุดมนุษย์จะมีวิธีการเหมาะสมในการจัดการกับชีวิตแตกต่างกันไป และวิธีการหนึ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปคือ การเขียนไดอารี่

การเขียนไดอารี่ คือการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบเชิงบวก และลบต่อส่วนลึกของหัวใจลงบนกระดาษ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องการให้ตนเองเป็นผู้รับสานส์ ต้องการเก็บเป็นความลับส่วนบุคคล เป็นการปลดปล่อยออกไปโดยไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข ระบายอย่างหมดเปลือกโดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะคัดค้าน ตัดสินถูกผิด หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสิ่งที่ระบายออกไป ไม่มีระเบียบแบบแผน วรรคตอน โครงสร้างประโยคหรือถ้อยภาษามาเป็นกรอบ หรือขีดจำกัดในการเขียน อิสระได้ทั้งความคิดและการกระทำ ด้วยการปฏิบัติต่อไดอารี่ดังกล่าวทำให้การเขียนไดอารี่กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยเรียกสติ สร้างสมาธิ ก่อเกิดเป็นปัญญามาพยุงชีวิตให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้ง เราจะเขียนไดอารี่อย่างไรให้หัวใจเรากลับมาทรงพลังแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว ลองดูเทคนิคดังต่อไปนี้

เขียนอย่างตรงไปตรงมา เราอ่านไดอารี่นี้คนเดียว และมันจะถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ต้องกักเก็บความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจไว้ จงซื่อสัตย์กับตัวเองสัญญาว่าจะปลดปล่อยทุกความรู้สึกดีร้ายออกมาให้หมด ไม่ต้องตั้งท่าเรียบเรียงก่อนหลัง ไม่ต้องระวังภาษาว่าจะไม่สุภาพหยาบคาย เขียนวนไปวนมาก็ได้ คิดอะไรเขียนลงไปให้หมด

ใช้ภาษาให้สุดในจุดที่คุณเป็น ไม่ต้องกลัวถูกผิด ปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ การฝึกเขียนบ่อยๆ จะเป็นการพัฒนาทักษะภาษาและทักษะการเขียนไปในตัวด้วยซึ่งสุดท้ายเราจะมีสไตล์ สำนวนภาษาในการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ตามธรรมชาติของเราได้ในที่สุด

บันทึกสรุปดีร้าย หลังจากขีดเส้นเน้นย้ำเรื่องราวสำคัญเรียบร้อยแล้ว ให้หยิบเรื่องสำคัญเหล่านั้นออกมาแล้วเขียนลงบนไดอารี่หน้าต่อไปโดยให้ชื่อบทว่า สรุปประเด็นสำคัญของเหตุการณ์ โดยแบ่งเขียนเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งซ้ายเขียนเรื่องดี ฝั่งขวาเขียนเรื่องร้าย สรุปเสร็จอ่านทานซ้ำทั้งสองฝั่งจนขึ้นใจโดยเฉพาะฝั่งขวาต้องเพิ่มความใส่ใจในการอ่านเป็นกรณีพิเศษเพราะมันเป็นตัวการที่ทำให้เราจิตตก เครียด และกังวล

หาเรื่องดีในเรื่องร้าย ข้อสรุปส่วนใหญ่ที่เขียนได้มักจะอยู่ฝั่งร้ายมากกว่าฝั่งดี เพราะเรามักจะมีแรงบันดาลใจเขียนไดอารี่ได้ยาว และเต็มอารมณ์ ในช่วงเวลาที่รู้สึกแย่มากกว่าช่วงเวลามีความสุขนั่นเอง เราจึงต้องย้อนกลับไปทบทวนเหตุการณ์ในฝั่งร้ายทีละข้ออย่างละเอียดอีกครั้งแล้วลองขุดค้นหาข้อดีที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านั้นให้ได้แล้วนำมาเติมต่อท้ายในฝั่งดี ค่อยๆคิดค้นหาทีละเหตุการณ์จนครบทุกเรื่องร้ายที่เขียนไว้

การเขียนไดอารี่เสมือนเพื่อนซี้คู่ชีวิตที่รอคอยการกลับมาของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เคยยุแยง ไม่เคยใส่สีตีไข่ให้ไขว้เขว เป็นพื้นที่ให้เราได้เริ่มด้วยร้อนแล้วผ่อนปิดท้ายด้วยความเรียบเย็น เห็นถูกผิดผ่านการคิดทบทวนด้วยตัวเราเอง แม้จะยังไม่ได้ทางออกของปัญหาทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ช่วยดึงสติให้กลับมา ปลุกกำลังวังชาให้แช่มชื่น เมื่อสติมาปัญญาก็เกิดขึ้น เมื่อนั้นแสงทองผ่องอำไพก็จะเคลื่อนเข้ามาเพื่อนำพาชีวิตก้าวต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้งดั่งจักรยานที่ต้องทรงตัวด้วยการปั่นรักษาสมดุลให้เคลื่อนที่อยู่เสมอ

post

5 ประโยชน์จากโจทย์โควิด

ภาวะโรคระบาดโควิด สร้างวิกฤติที่ทำให้ผู้คนล้มตาย อยู่อย่างบอบช้ำ และอีกจำนวนมากที่ยังหาทางรอดไม่พบเรามองโควิดเป็นผู้ร้าย แต่หากพลิกมุมมองเสียใหม่วิกฤตินี้ก็ให้ประโยชน์กับมนุษย์ด้วยเช่นกันและนี่คือ 5 สิ่งที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางบวก

เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ การทำงานที่บ้านเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารออนไลน์เต็มรูปแบบ เช่น ประชุมออนไลน์, การส่งงานผ่านคลิปวิดีโอ, การนำเสนองานซึ่งต้องอาศัยเทคนิคที่ดึงดูดใจในเวลากระชับ, สนุกกับการหาความรู้ความบันเทิงผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น เรียนคอร์สออนไลน์ในราคาประหยัด, ทำการตลาดออนไลน์ ฯลฯ ใช้อุปกรณ์มือถือ โน๊ตบุ๊คได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ,ยกระดับตัวเองไม่ตกยุค

เริ่มออกกำลังกายจริงจัง ภัยไม่มาน้ำตาไม่มีมีวิธีไม่เกิด ความรุนแรงของโรคระบาด ทำให้ชีวิตหยุดนิ่ง มีภาวะถดถอยทางอารมณ์ เช่น เครียด ท้อ หงุดหงิดรำคาญ คนที่ติดเชื้อภูมิต้านทานน้อยลง ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นแรงผลักให้เทรนด์การออกกำลังกายมาแรง ปลุกเร้าให้ทุกคนตั้งเป้าเยียวยาตัวเอง เช่น ลดความอ้วน คลายเครียด ฟื้นฟูการเจ็บป่วย จนติดการออกกำลังกายเป็นนิสัย

สร้างเวลาคุณภาพให้ครอบครัว เมื่อต้องทำงานอยู่บ้านทำให้ได้เวลาเดินทางไปทำงานกลับคืนมา ได้ทำอาหาร ได้พูดคุย ให้การดูแลช่วยเหลือกันได้ทันทีซึ่งเป็นบรรยากาศที่ห่างหายในหลายครอบครัว นำมาซึ่งการบริหารจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพขึ้นเมื่อถึงวันที่สถานการณ์กลับมาปกติ

ได้โอกาสทำงานที่ใช่ การลดการจ้างงาน ลดค่าแรง ปรับสวัสดิการใหม่บังคับให้ลูกจ้างกล้าลองผิดลองถูกสร้างทางรอดใหม่มีแรงผลักคือการอดตาย เมื่อกล้าคิดกล้าทำเต็มที่ศักยภาพที่แท้จริงจะถูกปลดปล่อยสามารถตั้งต้นงานใหม่ที่อยากทำด้วยมือของตัวเอง

เปลี่ยนแปลงธุรกิจ บริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจำเป็นต้องปิดกิจการใช้ความถนัดเดิมมาเริ่มธุรกิจใหม่, บริษัทไหนพอพยุงตัวก็ได้โอกาสปรับกระบวนการทำงาน โครงสร้างองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด,คัดคนที่ขาดประสิทธิภาพออกไป, บางบริษัทสร้างศรัทธาให้กับพนักงานด้วยการช่วยเหลือ ดูแล เกื้อกูลกันสุดกำลัง และบางบริษัทเร่งพัฒนาศักยภาพพนักงานจัดคอร์สอบรมกันเต็มที่ และหลายองค์กรเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปเป็นแบบไร้ออฟฟิศออกแบบการทำงานให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ นัดหมายพบหน้าตามร้านกาแฟ หรือ co-working space ระบบยืดหยุ่นผลักให้หลุดจากกรอบ สนุกสร้างสรรค์งานมากขึ้น

ปัญหามาปัญญามีเมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องหันหน้าเข้าหาสร้างทัศนคติบวกมองปัญหาให้เป็นโจทย์ที่ท้าทาย เราอาจจะต้องล้มลุกคลุกคลานบ้างแต่หากยังตั้งเป้าอยู่ในความคิดที่ว่าเกิดได้ก็ต้องดับได้ทุกวิกฤติก็จะให้โอกาสกับเราได้เสมอ

post

5 ข้อดีของการเล่นเกมส์

การเล่นเกมส์ ถือเป็นกิจกรรมที่อยู่คู่มนุษย์มาอย่างยาวนาน ยิ่งในปัจจุบันนั้นที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ก็ทำให้การเล่นเกมส์ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากเกมส์แบบเครื่องคอนโซล และ PC แล้ว ก็ยังมีเกมส์มือถือให้เราได้เลือกเล่น เรียกได้ว่าเกมส์กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของใครหลายๆคน เราอาจจะเคยได้ยินว่าการเล่นเกมส์นั้นจะส่งผลเสียต่อเด็กจนกลายเป็นปัญหาเด็กติดเกมส์หรือการเลียนแบบเนื้อหาความรุนแรงมาจากเกมส์ แต่ในทางตรงกันข้ามการเล่นเกมส์ก็มีประโยชน์มากกว่าโทษหากผู้เล่นรู้จักแบ่งเวลาได้และมีวิจารณญาณในการเล่นเกมที่เหมาะสม

ข้อดีของการเล่นเกมส์

  1. ช่วยในการพัฒนาสมอง

การเล่นเกมนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะทางสมองมาช่วยในการเล่น เราต้องใช้การจดจำสำหรับเกมส์บางเกมส์ ฝึกกระบวนการคิดจากสถานการณ์จำลองของเกม ฝึกสมาธิ ความว่องไวในการคิด ไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยในการกระตุ้นสมองให้มีการพัฒนา

  1. ฝึกทักษะทางภาษา

การเล่นเกมยังได้ทักษะในเรื่องของภาษา เกมโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้เราได้ฝึกทักษะทางภาษาไปด้วยในตัวเอง เพราะหากเราไม่พยายามหาความหมายจากศัพท์ภาษาอังกฤษภายในเกมส์แล้ว จะทำให้เราเล่นเกมส์ไม่สนุก จึงต้องพยายามเรียนรู้คำศัพท์หรือประโยคภายในเกมส์เพื่อให้เข้าใจเนื้อหา จะได้เล่นอย่างถูกต้องตามเนื้อหาของเกมส์นั้นๆ

  1. ฝึกทักษะการใช้เทคโนโลยี

การเล่นเกมในยุคสมัยใหม่นั้น จะมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง การที่เราเล่นเกมก็จะช่วยให้เราฝึกทักษะในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี รู้จักอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการเล่นเกมส์ อันจะเป็นการต่อยอดด้านความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งอาจจะแตกแขนงไปยังเทคโนโลยีด้านอื่นๆเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเล่นเกม

  1. ฝึกทักษะการเข้าสังคม

ในปัจจุบันเกมส์ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของเกมส์ออนไลน์ที่ให้เราร่วมเล่นกับบุคคลอื่น ทำให้เรารู้จักคนอื่นผ่านการเล่นเกมส์ จะทำให้เกิดสังคมออนไลน์ที่นำคนที่ชอบในเกมเดียวกันมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในบางครั้งก็ต้องร่วมเล่นเป็นทีมเดียวกัน ช่วยส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่จะทำงานเป็นทีม มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น

  1. ผ่อนคลายความเครียด

การเล่นเกมเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนเราผ่อนคลายจากความเครียดได้ หากเรารู้จักเล่นเกมส์อย่างเหมาะสมและไม่จริงจังจนเกินไป รู้จักควบคุมตัวเอง จะเป็นการพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ ได้เป็นอย่างดี

  1. สร้างรายได้จากการเล่นเกมส์

ทุกวันนี้การเล่นเกมส์สามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ทั้งการเป็นสตรีมเมอร์เล่นเกมให้ความสนุกสนานแก่ผู้ชม หรือหากมีฝีมือในการเล่นเกมที่ดี ก็จะสามารถเป็นนักแข่งเกมส์มืออาชีพได้ ปัจจุบันวงการ E-Sport มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเล่นเกมกลายเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

การเล่นเกมส์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากเราสามารถแยกแยะให้เหมาะสม ก็จะทำให้เราเล่นเกมส์อย่างสนุกและมีความสุข ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับเราอย่างมากมายดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

post

ประกันร้านค้าจำเป็นหรือไม่ และต่างจากประกันทั่วไปอย่างไร ?

เมื่อพูดถึง ประกันร้านค้า แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าคืออะไร ประกันความเสี่ยงด้านใดบ้าง ทำไมร้านค้าขนาดเล็กหรือธุรกิจ SME จำเป็นต้องทำประกันด้วย เรามาติดตามอ่านรายละเอียดกัน

ประกันร้านค้า คืออะไร

ประกันร้านค้าเป็นประกันธุรกิจที่แตกต่างจากประกันทั่วไป เป้าหมายคือการประกันความเสี่ยงในด้านอัคคีภัยเป็นหลัก ครอบคลุมถึงน้ำท่วมและภัยธรรมชาติ เกิดความเสียหายที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจคุ้มครองด้านอื่น ๆ เช่น ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและความเสี่ยงภัยกรณีธุรกิจหยุดชะงักช่วยชดเชยการเสียรายได้ซึ่งกลายเป็นเรื่องจำเป็นในยุควิกฤตโควิด-19 ที่การดำเนินธุรกิจไม่คล่องตัวเหมือนสมัยก่อน รวมไปถึงความคุ้มครองความเสียหายของสิ่งก่อสร้างในร้านค้า เครื่องจักรชำรุด ทรัพย์สินของร้านค้าสูญหายหรือถูกโจรกรรม และเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่น ๆ

เมื่อทำประกันคุ้มครองธุรกิจไว้แล้วก็ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลถึงผลกระทบด้านการเงินของผู้ประกอบการ ทั้งขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่เสี่ยงประสบปัญหาเฉพาะหน้าที่ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินกะทันหัน เมื่อหาเงินมาหมุนใช้จ่ายไม่ทัน ประกันร้านค้าจะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ ไม่ต้องปิดกิจการลงไป

ประกันร้านค้าเหมาะกับใคร

กลุ่มธุรกิจที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงคือผู้ประกอบการร้านค้าทั่วไป เช่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านเสริมสวย ร้านเสื้อผ้า ร้านซักรีด ร้านขายยา สปา ร้านคาร์แคร์ ธุรกิจบริการ และร้านค้าอื่น ๆ ทุกประเภท รวมไปถึงร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงด้วย ช่วยลดรายจ่ายจากความเสียหายด้านต่าง ๆ และป้องกันไม่ให้ธุรกิจสะดุดเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดในอนาคต

แนะนำให้ธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ ควรทำประกันร้านค้าเพื่อความสบายใจ แม้แต่ร้านขายของออนไลน์สนใจทำประกันร้านค้าก็ทำได้ โดยเลือกแพ็คเกจความคุ้มครองที่ต้องการเป็นพิเศษ ทำประกันทรัพย์สินของร้านค้าเป็นหลัก หากมีลูกจ้างเพียง 1-2 คนทำประกันสังคมให้เพียงพอแล้ว แต่ถ้ามีลูกจ้างหลายคนเลือกซื้อประกันธุรกิจเป็นประกันแบบกลุ่มที่นายจ้างจะซื้อกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียวดูแลลูกจ้างหลายคนที่อยู่ในฐานะผู้เอาประกันภัย เรียกว่าเป็นสวัสดิการของพนักงานก็ได้

ประกันร้านค้ามีข้อตกลงในกรมธรรม์ที่แตกต่างจากประกันสุขภาพของบุคคลทั่วไป โดยประกันภัยร้านค้ามีมูลค่าของธุรกิจสูงกว่าประกันทั่วไป อาจมีวงเงินตั้งแต่ 1-20 ล้านบาท ทำให้ค่าสินไหมทดแทนของประกันธุรกิจสูงกว่าประกันทั่วไป

ประกันร้านค้าทำได้อย่างไร

การทำประกันร้านค้าหรือประกันธุรกิจทำได้ไม่ยาก มีแพ็คเกจความคุ้มครองให้เลือก อธิบายคร่าว ๆ ก็จะมีโจรกรรม ไฟไหม้ ภัยจากธรรมชาติ น้ำท่วม ทรัพย์สิน ความบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของลูกจ้าง เป็นต้น โดยบริษัทประกันภัยจะอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ และตอบข้อสงสัยเพื่อให้เจ้าของธุรกิจแต่ละรายเลือกความคุ้มครองป้องกันภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับร้านค้าได้อย่างเหมาะสม

คนที่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องเริ่มต้นให้ดีทำให้ถูกต้อง เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทั่วไปควรซื้อกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและบรรดาลูกจ้างด้วย

post

สุขภาพดีสร้างได้ เปลี่ยนวิถีชีวิตให้เป็นคุณคนใหม่

ทราบกันดีว่าการดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายเป็นประจำทำให้มีสุขภาพดี แต่วิถีชีวิตของคนเราทุกวันนี้เวลาไม่เอื้ออำนวย เป็นเรื่องยากที่จะหาเวลาเตรียมอาหารกิน เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานแล้วก็ยากที่เหลือพลังในการออกกำลังกายอย่างจริงจัง สุขภาพดีสร้างได้โดยไม่ต้องทุ่มเทแรงกายมาก เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ที่ใครๆ ก็ทำได้

  • รับประทานอาหารตรงเวลา มีสารอาหารครบ 5 หมู่อย่างสมดุล ประกอบด้วยธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้ เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ น้ำตาลและเกลือปริมาณพอเหมาะ ดื่มน้ำเปล่าเพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • หากการทำงานแต่ละวันรีดพลังงานจนแทบไม่เหลือ ลองออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน เต้นรำ โยคะ วิ่ง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณชอบ เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลา 30 นาทีเกือบทุกวัน โดย แบ่งเวลาออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 10 นาที
  • แปรงฟันหลังอาหาร ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน คนเราอายุมากขึ้นยิ่งต้องดูแลระบบทางเดินอาหารและลำไส้มากขึ้น พยายามเคี้ยวให้ละเอียด
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณพอเหมาะถ้าคุณ ห้ามดื่มก่อนหรือขณะขับรถ พยายามลดหรือเลิกสูบบุหรี่ ถ้าติดบุหรี่หรือแอลกอฮอล์พยายามจะเลิก แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้วางใจได้
  • จัดการกับความเครียดในชีวิต ทุกวันนี้เรามีชีวิตที่วุ่นวายและรีบเร่ง เครียดทั้งเรื่องงาน ครอบครัว และเรื่องอื่นๆ ทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว อาหารไม่ย่อย ควรปรับทัศนคติการมองโลกในแง่บวก ทำในสิ่งที่ทำให้มีความสุข พูดคุยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงชักชวนกันทำกิจกรรมดีๆ ช่วยให้หายเครียด การออกกำลังกายเป็นประจำ ทำสมาธิหายใจลึกๆ หัวเราะบ่อยๆ ทำให้มีความสุขและช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี หรือแม้แต่การเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็มีประโยชน์ในยามเครียด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ควรนอนวันละประมาณ 8 ชั่วโมง เลิกนิสัยรอดูผลบอลสดตอนดึกเสียเถอะ ก่อนนอนทำใจให้สงบเพื่อให้นอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ ไม่กระสับกระส่ายหรือตื่นบ่อยในตอนกลางคืน ควรจัดห้องนอนให้มีอากาศถ่ายเท ปิดม่านให้ห้องมืดสนิท ทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นสะสม ก่อนนอนฟังเพลงเบาๆ หรือดื่มนมอุ่นๆ ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  • ปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อฟอกอากาศและดูดซึมสารพิษ ตื่นเช้ามาเดินเล่นสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายไปในตัว ใบไม้และดอกไม้หลากสีสันทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุขและคลายเครียดได้
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงโดยตรง โดยเฉพาะเวลา 10.00-15.00 น. เป็นช่วงที่ไม่ควรออกไปนอกอาคาร ถ้าจำเป็นต้องทำงานกลางแจ้งควรทาครีมกันแดดเสมอเพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB รวมถึงสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพ

สุขภาพดีทำได้ไม่ยากเลย วิธีการต่างๆ ข้างต้นเป็นแนวทางปฏิบัติที่ยืดหยุ่นได้ ปรับให้เหมาะกับตัวเองช่วยให้ชีวิตมีความสุข ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มคุ้มที่ดี แข็งแรงทั้งกายและใจ

post

บอกลาปัญหานอนไม่หลับด้วยผลเชอร์รี่

เป็นที่ทราบกันดีเวลาง่วงนอนหยิบผลไม้มารับประทานช่วยเรียกความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ แต่อาจไม่ทราบว่าผลไม้รสชาติหอมหวานอย่างเชอร์รี่เป็นตัวช่วยให้นอนหลับง่าย ไม่ว่าจะเป็นผลสด ทาร์ตเชอร์รี่ ไอศกรีม หรือปั่นเป็นเครื่องดื่ม ผลเชอร์รี่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างไรและมีประโยชน์อะไรอีกบ้างมาดูกัน

เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีเมลาโทนินปริมาณสูง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนหลับโดยตรง เนื่องจากเมลาโทนินเป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยหลั่งจากต่อมไพเนียลในสมองมีผลต่อวงจรการนอนหลับและตื่นของร่างกาย ในทางการแพทย์สารเมลาโทนินช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ ไม่เพียงแต่ทำให้นอนหลับเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้หลับสนิทเป็นเวลานานขึ้นอีกด้วย

การนอนหลับไม่สนิทไม่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกด้วย หากคุณมีอาการนอนไม่หลับหรือหลับ ๆ ตื่น ๆ กลางดึก ส่งผลให้ง่วงนอนตอนกลางวันซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ลองรับประทานผลเชอร์รี่หรือเลือกผลิตภัณฑ์แยมและขนมหวานเพื่อเพิ่มปริมาณเมลาโทนิน เชอร์รี่แต่ละสายพันธุ์มีปริมาณเมลาโทนินแตกต่างกัน ชนิดที่มีรสเปรี้ยวมีปริมาณเมลาโทนินมากกว่ารสหวาน

นอกจากช่วยให้นอนหลับสบายแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ เชอร์รี่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอ วิตามินซี แมกนีเซียม ทั้งยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีช่วยให้ขับถ่ายง่าย บำรุงผิวพรรณให้เต่งตึงดูสดใสอ่อนเยาว์ ลดการอักเสบ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ส่งผลดีต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง นับเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยควบคุมน้ำหนักตัวด้วย

แนะนำให้กินเชอร์รี่ก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าผลเชอร์รี่สดหาซื้อยาก ไม่มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป รับประทานเชอร์รี่อบแห้งแบบน้ำตาลน้อยแทน หรือจะเป็นลูกพรุนแห้งและอินทผลัมก็ได้ ถ้าเป็นน้ำเชอร์รี่จะต้องไม่หวานและไม่เติมน้ำตาล ปริมาณมากหรือน้อยอาจส่งผลต่อแต่ละคนต่างกันไป ทดลองด้วยตัวเองลองดื่มสักครึ่งแก้วก่อนนอนราว 2-3 วันแล้วดูอาการตอบสนองว่านอนหลับดีขึ้นหรือไม่ ถ้ายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ลองเพิ่มปริมาณอีกเล็กน้อยรอดูผลลัพธ์กันต่อไป

เมื่อไรที่ร่างกายเหนื่อยล้า ง่วงเหงาหาวนอน ไม่มีเรี่ยวแรง สารเมลาโทนินจะฟื้นฟูพลังให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากผลเชอร์รี่แล้วยังพบสารเมลาโทนินในผลไม้ไทยอีกหลายชนิด เช่น กล้วย ส้ม มะม่วง มะละกอ และสับปะรด เพียงรับประทานผลไม้ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเมลานินและสารต้านอนุมูลอิสระได้ รักษาอาการนอนไม่หลับได้ผล ป้องกันอาการปวดหัวจากไมเกรนและโรคต่าง ๆ ด้วย อีกทางเลือกหนึ่งคือถั่วบางชนิด เช่น อัลมอนด์และวอลนัท กินก่อนนอน 20 นาทีช่วยให้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่

หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับ แทนที่พลิกตัวไปมาบนเตียงหรือกินยานอนหลับที่มีผลข้างเคียงอย่างเช่น ปากแห้ง ปวดหัว เวียนหัว ท้องผูก ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติรับประทานผลไม้ที่มีอยู่ในตู้เย็นเป็นประจำจะช่วยให้เอาชนะปัญหานอนไม่หลับได้ง่ายขึ้น

post

ไอเดียประหยัดฉลาดล้ำ ลดค่าใช้จ่ายรายเดือน

เมื่อพูดถึงการประหยัดเงิน อย่ามองข้ามวิธีการเก็บเล็กผสมน้อยเพราะทุก ๆ บาทมีความสำคัญ อยากมีเงินเก็บอย่าคิดนาน ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ เริ่มออมเงินได้เร็วเท่าไรยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเงินออมที่ต้องการเร็วขึ้นเท่านั้น ขอแนะนำไอเดียประหยัดเงิน 5 ข้อ มาดูกันว่าไอเดียไหนที่นำไปใช้ได้บ้าง

1.ตั้งเป้าหมายเงินออมเพื่อสร้างแรงจูงใจ
การออมเงินเป็นเรื่องยากสำหรับคนรายได้น้อย หากตั้งเป้าหมายการออมสำหรับอนาคตทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อช่วยให้มีสมาธิจดจ่อและมีแรงจูงใจมากขึ้น ตั้งเป้าหมายง่าย ๆ เช่น อยากซื้อทีวีเครื่องใหญ่ ซื้อรถยนต์ หรือไปเที่ยววันหยุด ส่วนเป้าหมายระยะยาว เช่น ออมเพื่อซื้อบ้านหรือเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณ

2.หักเงินฝากเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ
เริ่มจากเปิดบัญชีออมทรัพย์และตั้งค่าการหักเงินอัตโนมัติฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือน ช่วยให้ประหยัดได้ง่าย ออมเงินต่อเนื่องจำนวนเท่ากันทุกเดือน เริ่มต้นด้วยการคำนวณรายได้หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีเงินเหลือเท่าไร ออมเท่าไรจึงไม่รัดเข็มขัดแน่นเกินไป การเก็บเงินก่อนใช้จ่ายทำให้เป้าหมายออมเงินเป็นจริงมากกว่าการใช้จ่ายทั้งเดือนแล้วรอให้เงินเหลือค่อยเก็บ เมื่อมีเงินเหลือในแต่ละเดือน แม้ว่าจะเป็นเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์เสมอ

3.ชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวนและตรงเวลา
การชำระค่าหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวน โดยเฉพาะชำระเงินคืนเต็มจำนวนภายในกำหนดทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย หากชำระบิลตรงเวลาเสมอจะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมชำระเงินล่าช้า เพียงเท่านี้ก็ช่วยประหยัดเงินได้ บางกรณีมีส่วนลดการชำระเงินก่อนกำหนดด้วย หากใช้วิธีการจ่ายบิลแบบหักเงินในบัญชีอัตโนมัติรายเดือน ก็ควรตรวจสอบใบเรียกเก็บเงินทุกเดือน

4.คิดให้นาน ถ่วงเวลาก่อนใช้จ่าย
การซื้อเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าใช้เวลาคิดให้มากหน่อย ถ่วงเวลาให้นานหน่อยก่อนซื้อเป็นไอเดียที่ดี เพราะแรงกระตุ้นให้อยากซื้อจะลดลงมาก รอเวลาให้ผ่านไปสัก 3-4 สัปดาห์ดูว่ายังต้องการอยู่อีกหรือไม่ ความปรารถนาอาจลดลงจนรู้สึกว่าของสิ่งนั้นไม่จำเป็นเท่าไรไม่ต้องซื้อก็ได้ จะประหยัดเงินได้เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น เป็นอีกไอเดียช่วยให้จัดการเงินออมได้ดีขึ้น มีเงินเก็บออมมากขึ้น

5.กินอยู่ดี ประหยัดกว่าที่คิด
เลิกกินกาแฟแบรนด์ดัง เลิกเหล้า เบียร์ บุหรี่ สามารถช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าที่คิด หลีกเลี่ยงการสังสรรค์มื้อเย็นนอกบ้านแม้จะคิดว่ากินเป็นครั้งคราวไม่น่าจะแพงเท่าไร แต่ความจริงแล้วราคาที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งซื้ออาหารมื้อธรรมดาได้เป็นสัปดาห์ เลือกกินตามรายได้ กินอาหารมื้อเย็นที่บ้านจะถูกกว่า ประหยัดเงินได้มาก และยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย

การออมเงินไม่จำเป็นต้องบีบบังคับตัวเองให้มาก ไม่เช่นนั้นอาจล้มเหลวกลางคัน กินของอร่อยไม่ต้องแพงทั้งประหยัดเงินและได้กินหลายอย่างด้วย ปรับไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับรายได้มากที่สุด ที่กล่าวมานี้เป็นไอเดียช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าและทำได้ผลจริง

post

เทคนิคการลดหย่อนภาษีที่คนวัยทำงานต้องรู้

เมื่อเราอยู่ในวัยทำงานมีรายได้ นอกจากเอามาใช้จ่ายแล้ว ยังต้องรู้จักเก็บออม และสำรองไว้เตรียมจ่ายภาษีด้วย โดยอัตราการคิดภาษีเป็นแบบขั้นบันไดขึ้นอยู่กับระดับรายได้รวมตลอดทั้งปี ถ้าต่ำกว่า 150,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากรายได้รวมสูงกว่านั้นคุณจะต้องเสียภาษีในอัตรา 5 จนถึง 35 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หากไม่รู้วิธีการ ลดหย่อนภาษี ก็จะทำให้คุณมีเงินเก็บออมที่น้อยลง

เรามาดูกันว่าสามารถลดหย่อนภาษีได้ด้วยวิธีใดบ้าง

1.เลี้ยงดูบิดามารดา
สิทธิ์นี้ถือว่าเป็นรางวัลแด่ผู้ที่กตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ เมื่อถึงเวลายื่นภาษีจะมีช่องให้คุณเลือกว่าเลี้ยงดูพ่อแม่อยู่ แล้วจะได้รับสิทธิการลดหย่อนภาษีถึง 60,000 บาท หากคุณเป็นลูกคนเดียวก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้แน่นอน แต่หากมีพี่น้องก็จำเป็นต้องตกลงกันว่าใครจะได้ใช้สิทธิ์นี้

2.ออมผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ
กอช. เป็นโครงการของรัฐ ที่ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีเงินเก็บออมในระยะยาว จึงสนับสนุนให้นำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ เพียงนำหลักฐานที่พิมพ์อย่างเป็นทางการจาก กอช. มาแนบด้วย คุณจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่คุณส่งเข้ากองทุนนี้ ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี

3.การลงทุนระยะยาวแบบ LTF RMF
เราสามารถนำหลักฐานการซื้อกองทุน LTF RMF มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินกว่าที่รัฐบาลกำหนดคือ 15% ของรายได้ทั้งปี (ก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ) และต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

4.การบริจาค
มีองค์กรการกุศล มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงหน่วยงานเอกชนที่คุณสามารถบริจาคแล้วนำใบเสร็จมาลดภาษีได้ เช่น โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ฯลฯ บางกรณีสามารถลดหย่อนได้ถึง 2 เท่าของการบริจาคจริงด้วย คุณจึงได้โอกาสนี้ในการทำบุญและได้เงินคืนกลับมาเพื่อเก็บออมในอนาคตพร้อมกัน

5.การเลี้ยงดูผู้พิการ
หากในบ้านมีผู้พิการในครอบครัวที่คุณดูแลอยู่ คุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนค่าดูแลบุคคลที่พิการหรือทุพพลภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่เสมอไป อาจเป็นสามีภรรยาหรือบุคคลที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ต้องมีใบรับรองจากแพทย์และเอกสารต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์

การลดหย่อนภาษีถือว่าเป็นสิทธิ์ที่คนทำงานทุกคนต้องศึกษา เพื่อใช้สิทธิ์นี้ได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญ คือ การเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ จากการรับจ้างงานที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย รวมถึงเอกสารแสดงดอกเบี้ยที่เราผ่อนส่งบ้าน รถยนต์ หรืออื่น ๆ ที่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่รัฐบาลประกาศ จะทำให้เรามั่นใจว่ามีหลักฐานการขอคืนภาษีที่ครบถ้วน เพื่อใช้เวลาตรวจสอบน้อยลง จะทำให้ได้รับคืนภาษีเร็วขึ้นด้วย

post

4 เคล็ดลับฝึกใจให้มีสมาธิ เมื่อต้องเวิร์คฟอร์มโฮม

คำว่า “Work From Home” เวิร์คฟอร์มโฮม ที่กำลังอยู่ในกระแสของมนุษย์เงินเดือนและหน่วยงานต่างๆ ในช่วงของดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นนั้น เป็นแนวทางที่นานาประเทศทั่วโลกเลือกปฏิบัติ โดยพร้อมเพรียงกันบนพื้นฐานความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและการพัฒนารูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งหากเรามองโลกในแง่ดีการเวิร์คฟอร์มโฮม ก็มีข้อดีหลายประการ แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านไปกับข่าวสารและบรรดาเฟคนิวส์ต่างๆบนโลกโซเชียล เพื่อให้เรามีสมาธิในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ดังนั้นวันนี้เราลองมาดูกันว่า 4 เคล็ดลับในการฝึกจิตใจให้มีสมาธิ เมื่อต้องเวิร์คฟอร์มโฮมที่เรานำมาฝากมีอะไรกันบ้างค่ะ

เคล็ดลับข้อที่ 1.ฝึกเขียนตารางเวลาในการปฏิบัติภาระกิจในแต่ละวัน และแยกเขียนใส่กระดาษแปะไว้หน้าโต๊ะทำงานหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้เราใส่ใจกับสิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น และอาศัยข้อดีของการที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงานวันละหลาย ๆ ชั่วโมง เพื่อสะสางงานที่คั่งค้าง พร้อมทั้งวางแผนการทำงานในวันพรุ่งนี้และในรอบสัปดาห์ได้อีกด้วย การที่เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาข้อผิดพลาดจากการขาดสมาธิที่อาจต้องกลับมาแก้ไขใหม่ ซึ่งทำให้ล่าช้าและเกิดความเครียดตามมาได้

เคล็ดลับข้อที่ 2. ฝึกทำ Work Maps เพื่อให้แผนการทำงานรอบคอบและพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถจัดขั้นตอนการทำงานได้ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยเฉพาะหากเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและการเตรียมพร้อมมากกว่าปกติ เราก็จะสามารถปรับเวลาการทำงานให้เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงและนำมาซึ่งความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว กว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอน และผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง

เคล็ดลับข้อที่ 3. ฝึกการทำสมาธิในช่วงเวลาเช้าก่อนเริ่มต้นทำงาน หรือช่วงก่อนนอน เพื่อทำความสะอาดความคิดและทำให้สมองปลอดโปร่ง เลือกวิธีที่ถนัดได้ทั้งเจริญภาวนาพุทโธ และการกำหนดลมหายใจก็ทำได้หมด ตัวอย่างจากแนวทางที่พระสงฆ์ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานับพันปี การเจริญสมาธิ นอกจากจะช่วยให้จิตใจสงบและมีสติแล้ว ยังช่วยปรับจูนทัศนคติเชิงบวก และทำให้ปรับสมดุลระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติและมีสุขภาพที่ดีด้วย

เคล็ดลับข้อที่ 4. เปิดเพลงบรรเลงหรือเพลงคลาสสิกที่มีแต่ดนตรีคลอเบา ๆ ระหว่างการทำงานจะช่วยเพิ่มสมาธิและมีงานวิจัยเกี่ยวกับเสียงเพลงคลาสสิกเหล่านี้ว่าสามารถช่วยจัดเรียงคลื่นสมองให้มีพลังในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีอีกด้วย

การฝึกใจให้มีสมาธิไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมคะ เพราะถ้าคนอื่น ๆ ทำได้ รับรองว่าคุณเองก็ทำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มทำสมาธิในวิธีที่เหมาะกับเรากันดีกว่านะคะ